ในปัจจุบันจะเห็นโฆษณาเกี่ยวกับการฉีดแฟตเพื่อลดเหนียงมากมายในโลกออนไลน์ แต่แค่การฉีดแฟตอย่างเดียวนั้นจะทำให้เหนียงลงจริงหรือไม่? หรือบางคนอาจจะเคยฉีดแฟตมาแล้วแต่ไม่เห็นผล
วันนี้วลีรัตน์คลินิกมีคำตอบมาให้ มาฟังคุณหมอออมเฉลยกันค่ะ
เหนียง คือ ไขมันใต้ผิวหนังที่ไปสะสมบริเวณใต้คาง (submental fat= pre+post platysma fat) บริเวณเหนียงนอกจากจะมีไขมันแล้ว ยังประกอบไปด้วยชั้นผิวหนัง (skin) และกล้ามเนื้อ (platysma muscle)
โดยส่วนใหญ่แล้วเหนียงมักเกิดจากการที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีไขมันไปสะสมตามส่วนต่างๆของร่างกาย
แต่ในคนที่มีน้ำหนักตัวน้อยก็สามารถมีเหนียงได้ เนื่องจากมีปัจจัยอื่นๆ เช่น พันธุกรรม ความหย่อนคล้อยตามอายุของผิวหนัง และกล้ามเนื้อบริเวณใต้คาง
นอกจากนี้ คนที่มีโครงสร้างกระดูกบริเวณคางและกรอบหน้าเล็กจะเห็นเหนียงได้ชัดกว่าคนทั่วไป ซึ่งเป็นคำตอบว่าทำไมบางคนฉีดแฟตแล้วเหนียงไม่ยุบ
การลดเหนียงสามารถทำได้หลายวิธี โดยเริ่มต้นจากที่ตัวเราสามารถทำได้เอง คือการควบคุมอาหารและออกกำลัง วิธีนี้จะเป็นการลดการสะสมไขมันบริเวณใต้คาง
ซึ่งกรณีที่เหนียงเกิดจากพันธุกรรมหรือความหย่อนคล้อยของผิวหนังและกล้ามเนื้อบริเวณคาง จำเป็นต้องใช้วิธีทางการแพทย์เพื่อช่วยกำจัดเหนียง
เป็นการผ่าตัดที่ช่วยยกกระชับผิวหนังบริเวณคอและกราม ช่วยกำจัดปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยใต้คางที่เป็นสาเหตุของเหนียงได้
แต่วิธีค่อนข้าง invasive และใช้เวลาพักฟื้นนาน อาจมีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด
นอกจากนี้การผ่าตัดยกกระชับผิวหนังบริเวณใต้คาง ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะต้องเข้าใจว่าผลของการผ่าตัดไม่สามารถอยู่ได้ตลอดไป
เพราะหากอายุมากขึ้นหรือน้ำหนักตัวมากขึ้นก็อาจทำให้ปัญหาคางสองชั้นกลับมาได้เช่นกัน
เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่ช่วยสลายไขมันส่วนเกินด้วยการใช้ความร้อน ก่อนจะดูดไขมันออกมาทางอุปกรณ์พิเศษ
โดยก่อนดูดไขมัน จะต้องฉีดยาชาเฉพาะจุดเพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างการทำ
ทั้งนี้การดูดไขมันจะทำได้เพียงสลายไขมันส่วนเกินเท่านั้น แต่ไม่สามารถกำจัดผิวหนังส่วนเกินที่เกิดจากการหย่อนคล้อยได้
นอกจากนี้ การดูดไขมันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น อาการบวม รอยฟกช้ำ และอาการเจ็บปวดที่บริเวณแผล เป็นต้น
เช่น Thermage RF HIFU Ulthera มาทำให้ผิวหนังบริเวณที่หย่อนคล้อยเกิดการหดกระชับโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอในการทำศัลยกรรม และไม่ทำให้เกิดแผล
โดยทำเพียงครั้งเดียวก็เห็นผล (เห็นผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่ามีไขมันอยู่มากแค่ไหน)
แต่ราคาทำค่อนข้างสูง สำหรับคนทั่วไปอาจจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปสักเท่าไร
การฉีดโบทอกซ์สามารถช่วยลดเหนียงใต้คางได้ โดยใช้หลักการเดียวกันกับฉีดโบทอกซ์ลิฟต์หน้า (คนละเทคนิคกับการฉีดลดกราม)
เหมาะกับผู้ที่มีเหนียงหรือไขมันใต้คางไม่มากนัก แต่ถ้ามีไขมันมากการใช้วิธีนี้จะเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด (วิธีนี้ค่อนข้างเห็นน้อย)
เป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะที่ โดยการฉีดสารซึ่งมีคุณสมบัติสลายไขมันเข้าไปบริเวณที่ต้องการ
โดยใช้กลุ่มยาหลายตัวผสมกันแล้วฉีด เช่น phosphatidylcholine, L-carnitine, Deoxycholate, Dexpanthenol (B5), Amino acids, Minerals
โดยตัวยาจะเข้าไปทำให้ไขมันเกิดการแตกตัว ไขมันที่จับตัวเป็นก้อนจะสลายเป็นไขมันเหลวแล้วถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระ
จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหลังฉีดแฟตคุณหมอถึงแนะนำให้ทานน้ำเยอะๆ
แต่การฉีดแฟตจะต้องทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 2-3 ครั้ง ถึงจะเห็นผลที่ชัดเจน หลังการฉีดอาจมีอาการบวมจากตัวยา รอยช้ำได้
เป็นการยกกระชับผิวด้วยเทคนิคใช้เข็มที่มีเส้นไหมร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อช่วยปรับกระชับรูปหน้า ร้อยเก็บคาง และเก็บขากรรไกรให้ดูคมขึ้น
ไหมละลายตัวนี้เรียกว่า Chin Up เป็น PDO ซึ่งเป็นไหมที่เส้นเล็กมาก ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองน้อย
คนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำเสร็จ ตัวไหมเมื่อโดนน้ำจากใต้ผิวหนังก็จะถูกละลายไปเรื่อยๆ
ไหมจะช่วยดึงผิวขึ้นตามแนวแกนไหม เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายจะสร้างคอลลาเจน (collagen) มาล้อมรอบแกนไหม
แม้ว่าไหมจะละลายหมดไปแล้วแต่ก็ยังเหลือแนวแกนคอลลาเจนเพื่อช่วยดึงผิวอยู่ใต้ผิวให้ตึงนั่นเอง
สรุปคือการฉีดแฟตอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการลดเหนียง แต่อาจต้องใช้วิธีทางการแพทย์รูปแบบอื่นควบคู่กันไปด้วยเพื่อผลลัพธ์การลดเหนียงที่ดี
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนว่าควรรับการรักษาด้วยวิธีไหน จึงควรเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ประเมิน รับการรักษาที่ถูกต้อง ปลอดภัยและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล