ปัญหาเส้นผมเป็นปัญหาที่เกิดได้กับทุกคน และเป็นอย่างนึงเลยที่บ่งบอกถึงบุคลิกภาพของคน ทำให้ที่วลีรัตน์คลินิกในช่วงที่ผ่านมา มีคนไข้มาปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับผมเป็นจำนวนมากและแต่ละคนมีปัญหาเกี่ยวกับผมต่างกันไป
วันนี้วลีรัตน์คลินิกเลยถือโอกาสจับตัว หมอบี พญ.นวรัตน์ รุ่งศรีศศิธร คุณหมอผู้เชี่ยวชาญของวลีรัตน์คลินิกมานั่งพูดคุยหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาผมสักหน่อยว่าทำไมในช่วงนี้คนถึงเข้ามาใช้บริการ Hair Regrowth กันเยอะมากขนาดนี้
“ปัญหาผมเป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว เพราะบางคนเป็นกรรมพันธุ์ และในผู้ชายอายุ 20 กว่าๆก็จะเริ่มเป็นแล้ว แต่ถ้าไม่ได้เป็นกรรมพันธุ์ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่สามารถเป็นได้ทุกช่วงอายุเลยขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของแต่ละคนว่าทำร้ายผมมากแค่ไหน
ปัจจุบันนี้ทุกอย่างรอบตัวเป็นสิ่งเร้าให้เกิดปัญหาผมได้หมด ทั้งอาหารการกิน ทั้งมลภาวะ สารพิษต่างๆ นี่ก็ทำให้เกิดปัญหาผมนะ”
โดยส่วนมาก คนที่มารักษาเป็นใครหรือเพศอะไรมากกว่า?
“เมื่อสักครู่พูดถึงกรรมพันธุ์ กรรมพันธุ์มักจะเป็นผู้ชายใช่ไหม แต่แปลกคนที่มาทำการรักษาหมอเจอผู้หญิงมากกว่านะ
น่าจะเป็นเพราะผู้หญิงมีการใช้พวกตัวเร่งให้ผมเสียมากกว่าทั้งพวกเจอความร้อน กัดสี ทำผม ยีผม อะไรพวกนี้ ผมผู้หญิงเลยจะมีปัญหามากกว่า อีกอย่างผู้หญิงจะกังวลกับปัญหาเกี่ยวกับผมมากกว่าด้วยมั้งหมอว่า”
เท่ากับว่าไม่ใช่แค่คนที่ผมร่วงเท่านั้นที่จะทำ Hair Regrowth ได้ใช่ไหม?
“ใช่เลย Hair Regrowth จะเป็นโปรแกรมที่ตัวยาจะไปกระตุ้นรากผมให้เกิดการสร้างเส้นผมใหม่ ทำให้ผมขาดหลุดร่วงน้อยลง แข็งแรงมากขึ้น เลยเป็นโปรแกรมที่คนที่มีปัญหาเส้นผมขาด เสีย หลุดร่วง ผมไม่แข็งแรงจากการทำสี ดัดผมสามารถทำได้ด้วย”
แบบนี้เกี่ยวกันไหมว่าถ้าทำแล้วต้องเปลี่ยน Lifestyle ?
“ไม่นะ ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย เพียงแต่ถ้าคุณเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างมันก็ดีกับตัวคุณเองทั้งในระยะสั้นและระยะยาว Lifestyle ทุกอย่าง เป็น Effect ต่อการใช้ยาหมด
ถ้า Lifestyle เชิงบวก มันก็กระตุ้นให้เกิดผลเร็ว ถ้าคุณใช้ Lifestyle เชิงลบ ใช้แอลกอฮอล์ ก็อาจจะเกิดผลช้าตามเป็นเรื่องปกติเลย”
ถ้ามีคนสนใจจะมาทำ ต้องเตรียมตัวยังไงบ้างก่อนจะมาทำ Hair Regrowth ?
“รักษาความสะอาดหนังศรีษะให้ได้มากที่สุดก่อนจะทำ สระผมให้เรียบร้อย ไม่ใช้พวกแวกซ์ เจล หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมา เพราะเดี๋ยวจะต้องมีการสะกิดตัวยา จะได้สะอาดและปลอดภัยที่สุด”
>
“ยาเป็นตัวเร่งในการทำให้เร็วขึ้น แต่ Lifestyle เป็นตัวส่งผลต่อการใช้ยา”
ต้องทำติดต่อกันนานเท่าไหร่ถึงจะเห็นผล ?
“ต้องสม่ำเสมอนะ 1-2 สัปดาห์ต้องมาหนึ่งครั้ง แล้วก็ทำติดต่อกันอย่างน้อย 3-4 ครั้งก็เห็นผลแล้ว หลังจากนั้นก็มาทำห่างๆ เป็นการกระตุ้นอยู่เรื่อยๆ แต่ผลอยู่ที่แต่ละบุคคล อยู่ที่การดูแล Lifestyle ของเขาด้วย”
แบบนี้ Hair Regrowth มีข้อห้ามสำหรับใครไหม ?
“จริงๆไม่อันตรายนะ แต่คนตั้งครรภ์กับให้นมบุตรหมอว่าอย่าพึ่งทำดีกว่าเพื่อความปลอดภัย”
เตรียมตัวเสร็จแล้ว แล้วขั้นตอนในการทำนี่ทำยังไงคุณหมอกระซิบหน่อยค่ะ เผื่อคนที่กลัวมาจะได้เตรียมใจ ?
“นอกจากคนไข้จะรักษาความสะอาดหนังศีรษะมาและจะมีผู้ช่วยหมอ มาทำความสะอาดบริเวณที่จะทำการรักษาให้อีกหนึ่งรอบ
จากนั้นหมอจะเป็นคนสะกิดตัวยาบนชั้นหนังศีรษะเพื่อกระตุ้นการเกิดเซลล์รากผมใหม่
แล้วหมอก็จะทำความสะอาดให้อีกรอบเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ก็เป็นการเสร็จจากนั้นก็เป็นการดูแลโดยตัวคุณเองตอนกลับไปบ้านแล้ว แล้ววันต่อมาผู้ช่วยหมอจะติดต่อไปสอบถามอาการหลังจากที่ทำไปว่ามีอาการยังไง”
แล้วแบบนี้หลังทำเสร็จนี่ต้องดูแลยังไง รับประทานอะไรถึงจะได้ผลเร็ว ?
“หลีกเลี่ยงการสระผม 1-2 วัน เพื่อให้ยาได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้วก็ป้องกันการติดเชื้อด้วย อาหารก็กินได้ตามปกติเลย
แต่อยากให้งดแอลกอฮอล์เพราะถึงจะไม่มีอันตรายอะไร แต่อย่างที่บอกว่า Lifestyle ทุกอย่างเป็น Effect ต่อการใช้ยา”
สรุป
เท่าที่คุยกับหมอบีวันนี้ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่หมอนุ่นคิดถึงตลอดคือความปลอดภัยของคนไข้
ทั้งจากการดูแลของหมอเองและหลังจากการดูแลของหมอไปแล้ว หมอย้ำถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตอยู่เสมอว่า Lifestyle ส่งผลต่อร่างกายมากที่สุด หมอและยาเป็นแค่ตัวเร่งการสร้างรากผมเท่านั้น
ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำที่สุดคือปรับพฤติกรรมของตัวเราก่อนเพื่อตัวเราเอง
หากใครต้องการคำแนะนำหรือปรึกษาปัญหาเส้นผมกับคนหมอคนสวยอย่างหมอบีแล้วละก็เข้ามาสอบถามเพิ่มเติมที่วลีรัตน์คลินิกได้ทุกสาขาหรือแอดไลน์ก่อนได้เลยค่ะ