สาวๆหลายคนน่าจะเคยผ่านการร้อยไหม หรือฉีดไหมมากันบ้างแล้ว แต่ถึงแม้จะใช้ไหมเหมือนกันแต่ผลลัพธ์และเทคนิคขั้นตอนนั้นแตกต่างกันอย่างมาก
และวันนี้ทาง วลีรัตน์คลินิก ได้ชวนอาจารย์หมอกวางเข้ามาพูดคุยไขข้อสงสัยว่า ร้อยไหม กับ ฉีดไหม มีความเหมือน และแตกต่างกันอย่างไร ?
มาไขข้อสงสัยไปกับ อาจารย์หมอกวาง ไปด้วยกันนะคะ
ร้อยไหม กับ ฉีดไหม แตกต่างกันอย่างไรคะ ?
มาเริ่มที่ร้อยไหมกันก่อนนะคะ ร้อยไหมสามารถวางได้ทุกจุดบนใบหน้าใช้ยกกระชับผิวจากที่หย่อนคล้อยให้กลับมาตึงกระชับขึ้น มีข้อแตกต่างดังนี้
-
วางโครงสร้างใหญ่ วางถึงชั้น Smas เป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ผ่าตัดยกใบหน้า
-
ใช้เทคนิควางเป็นแบบ Vector ( ยกผิวหน้าได้ดี และใช้จำนวนเส้นน้อย )
-
ยกโครงสร้างใบหน้าได้ดีกว่า , ยกได้ตึง และสูงสามารถยกได้หลาย มิลลิเมตร ไปจนถึง เซนติเมตร
-
ร้อยไหมเจ็บกว่าการฉีดไหมขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นไหม
-
มีระยะพักฟื้น 1 – 2 อาทิตย์
แล้วฉีดไหม มีข้อแตกต่างกับร้อยไหมอย่างไรบ้างคะ ?
ฉีดไหมส่วนใหญ่จะฉีดบริเวณพื้นที่บนใบหน้ามีจำกัด เช่น จมูก , ใต้ตา และร่องแก้ม เป็นต้น และยังมีข้อแตกต่างอื่นๆอีกดังนี้ค่ะ
-
แก้ไขข้อบกพร่องเล็กๆ ที่ไหมเส้นใหญ่เข้าไม่ถึง หรือร้อยไหมแล้วยังต้องการเก็บบางจุดเล็กๆ
-
เทคนิควางเป็นแบบตาราง ( สร้างความกระชับที่ชั้นผิว )
-
ฉีดไหมยกได้ในระดับ มิลลิเมตร
-
อาการบวมน้อยกว่าร้อยไหม
-
ไม่มีระยะพักฟื้น
แล้วร้อยไหม กับ ฉีดไหม มีความเหมือนกันที่ตรงไหนบ้างคะ ?
เป็นคำถามที่คนไข้ทุกคนต่างถามเข้ามามากที่สุดเลยค่ะ 2 อย่างนี้มีส่วนที่เหมือนกันอยู่ 1 อย่างค่ะ ซึ่งก็คือ ใช้ไหมแบบเดียวกัน ต่างกันที่เทคนิค
โดยจะใช้ไหมละลายปลอดเชื้อเป็นไหม Medical Grade คือไหมตัวเดียวกับที่โรงพยาบาลทั่วโลกใช้อ่ะค่ะ ซึ่งรับรองได้ว่าปลอดภัยไม่พบสิ่งแปลกปลอม ไม่พบอาการแพ้ ไม่ตกค้าง สามารถเข้าเครื่อง CT Scan และ MRI ได้ตามปกติ
CT Scan
MRI
หากยังมีข้อสงสัย หรืออยากปรึกษาเพิ่มเติมสามารถเข้ามาสอบถามคุณหมอกวางได้นะคะที่ วลีรัตน์คลินิก หรือ จองคิวเข้ามาปรึกษาผ่านทางออนไลน์ก็ได้ค่ะ แล้วมาหาหมอกวางกันเยอะๆนะคะ