ริ้วรอยบริเวณดวงตา เกิดขึ้นได้โดยง่าย บางคนไม่จำเป็นต้องมีอายุมากก็มีริ้วรอยที่ดวงตาแล้ว เพราะบางพฤติกรรมส่งผลให้มมีริ้วรอยที่ดวงตานั่นเอง

วิธีการรักษา
-ฉีดโบท็อกซ์ บริเวณกล้ามเนื้อตาในส่วนต่างๆ
-ริ้วรอย
-หางคิ้ว
-หางตาตกจากกล้ามเนื้อ
พฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอยดวงตา
-ขยี้ตา
-การแสดงอารมณ์สีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้
-สูบบุหรี่
-แสงแดด
-ภูมิแพ้

โบท็อกซ์ริ้วรอยดวงตา ช่วยอะไรได้บ้าง ?
ช่วยให้ผิวตึงกระชับได้ เช่น ริ้วรอยใต้ตา ริ้วรอยดวงตา และรอยหางตา
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยดวงตา
-
หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์
-
งดอาหารเสริมที่่มีผลต่อลิ่มเลือดเช่น วิตามินอี น้ำมันตับปลา หรือยาแอสไพริน
-
พักผ่อนให้เพียงพอ
-
.เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์
การดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยดวงตา
-
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดริ้วรอย
-
ไม่ขยี้ตา หรือถูบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์
-
หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้า 1 สัปดาห์
-
แต่งหน้าด้วยน้ำหนักมือที่เบา
-
สวมแว่นกันแดด
-
บำรุงดวงตา เพื่อสร้างความชุ่มชื้นเพื่อให้ไม่เกิดรอยช้ำบริเวณดวงตา
-
งดแอลกอฮอล์ 24 ชม.
ระยะเวลาการทำงานของโบท็อกซ์ใต้ตา
4-6 เดือน โดยโบท็อกซ์จะทำงานแต่เฉพาะกล้ามเนื้อเท่านั้น หากบริเวณใดเป็นริ้วรอยที่ไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อจะไม่เห็นผล
อันตรายจากการฉีดโบท็อกซ์ใต้ตา
การฉีดโบท็อกซ์เข้าไปใต้ตาจะทำให้กล้ามเนื้อหย่อนลง หากฉีดผิดตำแหน่งอาจทำให้กล้ามเนื้อด้านบนคลายตัว และจะทำให้ตาปรือ หรืออาจทำให้หนังตาตกผิดรูปผิดร่าง และปิดตาไม่สนิทได้ ดังนั้นการฉีดควรเป็นฉีดเพื่อลดเลือนริ้วรอยย่นๆ เล็กๆ หรือริ้วรอยตีนกา
ทำไมต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เพราะแพทย์จำเป็นจะต้องมีความสามารถในการกะปริมาณยาอย่างถูกต้องและแม่นยำ หากฉีดในปริมาณที่มาก หรือผิดที่ จะทำให้ตาแข็ง และไม่เป็นธรรมชาติ อีกทั้งบริเวณรอบดวงตาเป็นจุดที่บอบบางและมีเส้นเลือดมากหากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญจะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้