ปัญหากับการใส่เสื้อผ้า ยัดแล้วยัดอีก ใส่อะไรก็ยากไปหมดใส่เสื้อเอวลอยแบบสาวสายสตรีทอวดเอวสวย เฟิร์มจนน่าสัมผัสแต่ถ้าเรายังมีไขมันสะสม เอวเป็นชั้น พุงยื่นล้ำออกมา ทำให้เราใส่เอวลอยไม่ได้
วลีรัตน์คลินิกเราได้รวบรวมเคล็ดคลับง่ายๆ จากกูรูเหล่านางแบบที่พร้อมจะแชร์เคล็ดลับให้หน้าท้องเรียบแบนก่อนย้ายร่างขึ้นรันเวย์
คอนเฟิร์มได้เลยว่าเราจะมาเอว S อวดคนอื่นให้อิจฉาเล่นๆกันได้แน่นอน
1.กินในเวลาที่เหมาะสม
รู้ว่าหิวและอยากหาอะไรกินตลอดช่วงบ่าย ๆ แต่จะหาอะไรกินก็เป็นห่วงเอวตัวเอง
เราแนะนำให้เลือกทางเฉพาะเป็นอาหารที่ทานเข้าไปแล้วไม่ต้องห่วงเอวอย่างพวก ถั่วแอลมอนด์, แอปเปิ้ล, Protein Bar, low fat cheese และต้องทานระหว่างเวลา 3-4 โมงเย็น
ถึงแม้ว่าจะไม่หิวแต่ควรต้องทานอาหารว่างช่วงนี้ให้ได้ เพราะว่าเวลาช่วงนี้เป็นเวลาที่กระตุ้นระบบเผาพลาญของร่างกายที่เปลี่ยนจากสารอาหารที่เป็นไขมันให้เป็นพลังงานโปรตีน และเพิ่มความสมดุลของน้ำตาล ทำให้รู้สึกกระปี่้กระเปร่าสดชื่น และไม่รู้สึกหิวในช่วงเย็น ยิ่งเราทำให้ระดับน้ำตาลของเราต่ำ การผลิตของอินซูลินก็ต่ำลงไปด้วย ทำให้ FAT ลดน้อยลง
การกินมื้อย่อยทุก ๆ 3 – 4 ชั่วโมงจะช่วยให้สร้างระดับน้ำตาลให้พอดี ทำให้ไม่หิวบ่อยและสร้าง FAT ให้เพียงพอต่อร่างกาย
2.ออกกกลังกายด้วยลูกบอล
ออกกำลังกายกับ Gym Ball อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ นอนราบกับพื้น ยก Gym ball ขึ้นมาที่หน้าอก
แล้วยกขาขึ้นมาแล้วจับไว้ สลับไปมา จากนั้นวาง Gym ball ลงที่เท้า แล้วใช้เท้ายกขึ้นกลับมาวางที่เดิมสลับไปมา
ทำติดต่อกัน 12 ครั้ง 3 เซตทุกครั้งที่เกิดการเคลื่อนไหว หลังต้องแนบกับพื้นตลอดเวลา โดยใช้การยกผ่านการเกร็งหน้าท้อง ใช้กล้ามเนื้อท้องเป็นหลัก
3.น้ำตาลศัตรูของหน้าท้อง
งดน้ำตาลทุกชนิดของหวานคือสิ่งที่ผิด !! เพราะจะทำให้ค่าของอินซูลินต่ำและค่าของกลูคากอน (Glucagon) สูง
ค่ากลูคากอนเป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการมากที่สุดเพื่อผลลัพธ์ของหน้าท้องแบนราบ
กลูคากอนคืออะไรเหมือนเรากำลังเล่นเกมส์ Pack man อยู่ แล้วตัว Pack man กำลังไล่กัดจุดต่างๆ อยู่ ซึ่งเปรียบเสมือนกลูคากอนไล่เก็บ FAT ของเราอยู่นั่นเอง เพื่อเปลี่ยนจาก FAT มาเป็นพลังงาน สรุปหลักง่าย ๆ เลยครับ ระดับน้ำตาลเท่ากับศูนย์ ทำให้ค่าอินซูลินต่ำแต่ค่ากูลคากอนสูง หน้าท้องแบนแบนก็มาง่ายๆ
4.เล่นกล้ามท้องเป็นสิ่งสุดท้าย
ผู้เชี่ยวชาญด้านออกกำลังกายแนะนำให้ใช้หลักการออกกำลังกายแบบ DCBA (Diet, Cardio, Building muscles, Abdominal exercises) คือเริ่มต้นด้วยการ Diet
เลือกกินอาหารสุขภาพ ตามด้วย Cardio สัก 20 นาที/วัน หรือประมาณ 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ ต่อด้วย Building musclesออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อสัก 15 นาที/วัน ประมาณ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ และปิดท้ายด้วย Abdominal exercises ออกกำลังกายเฉพาะส่วนหน้าท้องครั้งละ 5 นาที
วันละ 3 ครั้ง ทุกสัปดาห์
5.หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม
ลดการกินอาหารรสเค็มหรือใส่เครื่องปรุงรสเป็นจำนวนมาก เพราะในเครื่องปรุงรสเหล่านี้ล้วนแฝงไปด้วยโซเดียม
โซเดียมในอาหารที่มีรสเค็มจะทำให้เกิดการบวมน้ำได้มากถึง 2 กิโลกรัมในชั่วข้ามคืน เพราะร่างกายจะทำการเก็บน้ำได้อัตโนมัติเพื่อขับโซเดียมส่วนเกินออกทางไต
แต่กว่าจะขับเสร็จคุณก็จะรู้สึกอึดอัด น้ำหนักขึ้น ตัวบวมได้ และหากกินเค็มเป็นประจำก็ยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ได้ด้วย
6.การออกกำลังกายประเภท Cardio
การออกกำลังกายประเภท cardio นับว่าเป็นการเผาผลาญไขมันออกจากร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม
เพราะร่างกายจะเกิดการสร้างกล้ามเนื้อและกำจัดไขมันได้อย่างเต็มที่ เช่น Boxing ที่จะมีการเคลื่นไหวร่างกายแทบทุกสัดส่วน
เพียงมีเวลาเพียง 30 นาที ต่อครั้ง หรือเพียงสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็สามารถมีหน้าท้องสวยๆ ที่แบนราบได้
7.หัวเราะให้เยอะ ๆ
การหัวเราะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้มีหน้าท้องที่แบนราบแบบมีความสุข เพระาทุกครั้งที่หัวเราะจะเกิดอาการเกร็งกล้ามเนื้อส่วนหน้าท้อง
มีส่วนช่วยที่ทำให้หน้าท้องได้ทำงานด้วย นอกจากจะช่วยเรื่องสุขภาพภายนอกได้แล้ว ยังช่วยเสริมสุขภาพที่ดีจากภายในได้อีกด้วย
หากวิธีที่กล่าวไปทั้งหมดเป็นวิธีที่ยากเกินไป หรือไม่เหมาะกับการใช้ชีวิต รวมถึงไม่มีเวลาวลีรัตน์คลินิกก็แนะนำ โปรแกรม Belly Burn ของวลีรัตน์คลินิกที่เป็นโปรแกรมช่วยลดขนาดเซลล์ไขมันให้มีขนาดเล็กลงเหมาะกับคนที่มีลักษณะการใช้ชีวิตทุกรูปแบบและไม่มีผลข้างเคียง
อยากหน้าท้องแบนราบ มีเอว Sแบบไม่ต้องเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต