MSC Stemcell ฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส ฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์

สเต็มเซลล์ คืออะไร? Mesenchymal Stem Cells หรือ MSCs คือ เซลล์ต้นกำเนิดชนิดมีเซนไคม์ เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่ยังไม่มีหน้าที่จำเพาะ สามารถเจริญไปเป็นเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ ในร่างกาย ทำหน้าที่ซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ชนิดต่างๆ ที่มีสภาพเสื่อมหรือหมดสภาพให้สามารถกลับมาทำงานได้ดังเดิม รวมไปถึงสามารถชะลอวัยได้ 

การฉีดไขมันสเต็มเซลล์หรือฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส จะช่วยเข้าไปช่วยฟื้นฟูสภาพผิว กระตุ้นการเจริญเติบโตใหม่ของเนื้อเยื่อ และช่วยให้เซลล์ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง 

มีส่วนช่วยเรื่องสุขภาพผิว เช่น ผิวหน้ากระจ่างใส ริ้วรอยดูตื้นขึ้น และผิวหนังกลับมาเต่งตึง ดูเด็กลง ทำให้การฟื้นฟูความงามด้วยสเต็มเซลล์จึงน่าสนใจอย่างมาก 

บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสเต็มเซลล์มาให้ได้อ่านกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสเต็มเซลล์กับการแพทย์ สเต็มเซลล์กับความงาม รวมถึงเรื่องที่ควรรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับสเต็มเซลล์

สรุป

  • ฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสนอกจากจะช่วยสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เสื่อมสภาพ ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวได้ด้วย
  • การฉีด MSC Stem Cell ช่วยให้ผิวหน้ากระชับ แข็งแรง ลดเลือนริ้วรอยให้เต็มขึ้น ดูอ่อนเยาว์ขึ้น แนะนำฉีดที่ 5 ล้านเซลล์ขึ้นไป
  • ที่ Waleerat Clinic ฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส ราคา 50,000 บาท ทั้งนี้สามารถปรึกษากับทีมแพทย์เพื่อประเมินปัญหาของใบหน้าร่วมด้วยได้

สเต็มเซลล์ (MSC Stem Cell) คืออะไร? มีกี่ประเภท?

Reju MSC ตัวช่วยชะลอวัย ฟื้นฟูผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ด้วยสเต็มเซลล์

สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือเซลล์ต้นกำเนิด คือเซลล์ที่ร่างกายสร้างขึ้นมา โดยเริ่มต้นจากเซลล์เดียวที่มีการผสมพันธุ์ระหว่างเพศผู้และเพศเมีย 

แรกเริ่ม สเต็มเซลล์จะเป็นเซลล์ตัวอ่อนที่ยังไม่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจง และค่อยพัฒนาไปเป็นหลายเซลล์และพัฒนาไปเป็นอวัยวะ เพื่อสามารถทำหน้าที่อย่างเฉพาะเจาะจงได้ 

“สเต็มเซลล์” สามารถแบ่งตัวได้ไม่จำกัด และสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ใหม่ที่ทดแทนเซลล์ที่เสื่อมหรือตายลงได้ โดยสเต็มเซลล์จะมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ

 
  1. เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนมนุษย์ (Embryonic Stem Cell)
    สเต็มเซลล์กลุ่มนี้จะเป็นเซลล์ที่พบได้ในช่วง 3-5 วัน หลังการปฏิสนธิ ซึ่งจะมีความสามารถในการแบ่งเซลล์ได้อย่างไม่จำกัด และสามารถเติบโตไปเป็นเซลล์ร่างกายได้ทุกประเภท

    ส่วนใหญ่ได้มาจากไขกระดูก, รก, สายสะดือ  เป็นต้น

  2. เซลล์ต้นกำเนิดจากเนื้อเยื่อที่โตเต็มวัย (Adult Stem Cell)
    เซลล์ต้นกำเนิดจากเนื้อเยื่อที่โตเต็มวัย เช่น จากไขกระดูก เลือด ผิวหนัง ไม่สามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์ชนิดใดชนิดหนึ่งได้ แต่สามารถทดแทนตัวเองขึ้นมาใหม่ได้

Stemcell มาจากแหล่งไหน แตกต่างกันอย่างไร

โดยปกติแล้วร่างกายของคนเรานั้นจะมีสเต็มเซลล์อยู่แล้ว ซึ่งสเต็มเซลล์ที่ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์นั้นจะมาจากหลายรูปแบบ เช่น จากการใช้เซลล์ของเราเอง  เซลล์ของคนอื่น การใช้เซลล์ของสัตว์  หรือจากไขกระดูก ดังนี้

Stemcell มีอะไรบ้าง

เซลล์ของเราเอง (Autologous)

สเต็มเซลล์ที่เก็บจากเซลล์ในตัวของผู้ใช้งานเอง จะมาจากบริเวณเนื้อเยื่อไขมัน Adipose Tissue  มีศักยภาพในการฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกายได้ดี

เซลล์ของคนอื่น (Allogeneic)

เราสามารถใช้สเต็มเซลล์ที่เก็บจากเซลล์คนอื่นได้ แต่จะนิยมใช้เซลล์จากญาติใกล้ชิดอย่างพี่น้องที่มาจากพ่อแม่เดียวกัน หากไม่ใช่ญาติโดยตรงก็สามารถใช้ได้เช่นกัน หากมีไขกระดูกที่เข้ากันได้กับเรา 

โดยจะเก็บสเต็มเซลล์จากเนื้อเยื่อสายสะดือ Cord Tissue, เนื้อเยื่อหุ้มรก Amnion Tissue และเลือด สเต็มเซลล์จากคนอื่นมักใช้ในการฟื้นฟูโรคเกี่ยวกับประสาทและสมอง

เซลล์ของสัตว์ (Xenotherapy)

การใช้เซลล์จากสัตว์จะเป็นการนำเซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนสัตว์ (Embryonic Stem Cell) มาใช้งาน ซึ่งเป็นวิธีการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ที่สามารถนำเซลล์ที่ได้ไปใช้ฟื้นฟูเซลล์ได้หลากหลายส่วน

ไขกระดูก (Bone marrow)

สเต็มเซลล์ที่ได้จากไขกระดูก จะใช้ในปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งสเต็มเซลล์สามารถใช้จากเซลล์ของตัวเราเอง หรือมาจากผู้อื่นที่มีไขกระดูกเข้ากันได้กับเราจากธนาคารสเต็มเซลล์ก็ได้

ฉีดสเต็มเซลล์ (MSC Stemcell) ช่วยอะไรได้บ้าง

ในปัจจุบันสเต็มเซลล์นั้นถือได้ว่ามีประโยชน์มากนอกจากจะถูกนำไปใช้ในทางการแพทย์แล้วสเต็มเซลล์ยังได้ถูกนำมาใช้ในด้านความงามอีกด้วย

STEMCELL มีคุณสมบัติที่ช่วยเรื่องอะไรบ้างนะ

สเต็มเซลล์กับการแพทย์

นอกจากในในแง่ของการแพทย์ สเต็มเซลล์มีส่วนในการทดสอบตัวยาและพัฒนาเทคนิคในการรักษาใหม่ๆ สามารถใช้รักษาโรคบางประเภทได้ เช่น การใช้สร้างเซลล์ทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพ เช่น เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจหรือเซลล์ประสาท 

ใช้รักษากลุ่มโรคมะเร็งเม็ดเลือดทุกชนิด กลุ่มโรคไขกระดูกผิดปกติ โรคข้อเข่าอักเสบ (Osteoarthritis) โรคอัมพาต รักษาการบาดเจ็บที่คอและไขสันหลัง รวมถึงโรคแพ้ภูมิตัวเองด้วย

สเต็มเซลล์กับความงาม

ในด้านความงามสเต็มเซลล์จะนิยมใช้ในรูปแบบของการฉีด หรือที่เรียกว่าฉีดสเต็มเซลล์หน้าใส โดยจะนิยมใช้สเต็มเซลล์ MSC Cell) ซึ่งสามารถเก็บได้จากไขกระดูก เลือดจากรก ไขมัน เลือด หรือฟัน 

สเต็มเซลล์ประเภทนี้จะมีศักยภาพในการทดแทนเซลล์ต่างๆ ที่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุ แถมยังช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ และลดการอักเสบได้ดี จึงทำให้เหมาะกับการใช้ในการฉีดเพื่องานผิวอย่างมาก 

การฉีดสเต็มเซลล์ นอกจากหวังผลในเรื่องการเพิ่มจำนวนเซลล์ใหม่ๆ ทดแทนเซลล์เดิมที่เสียหายแล้ว ยังสามารถช่วยเพิ่มเซลล์ Fibroblast ที่มีหน้าที่ผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น แข็งแรงและยืดหยุ่นด้วย

เมื่อฉีด MSC Stem Cell จะช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าวัย ดูเด็ก และช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างให้ผู้ดูแข็งแรงมากขึ้น

ย้อนเวลาให้ผิวหน้าอ่อนกว่าวัย ด้วย MSC Stemcell

สเต็มเซลล์
สามารถฉีดส่วนไหนของร่างกายได้บ้าง

การฉีดสเต็มเซลล์ MSCs สามารถฉีดได้สองแบบ

STEMCELL มีคุณสมบัติที่ช่วยเรื่องอะไรบ้างนะ

ฉีดเข้าผิวหน้าโดยตรง

การฉีดสเต็มเซลล์เข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง จะกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวหนัง ช่วยให้มีความกระจ่างใส เพิ่มความชุ่มชื่น ลดริ้วรอย รอยแผลเก่า รูขุมขนกระชับ แลดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำคอ แก้ม และร่องแก้ม ใต้ตา

STEMCELL มีคุณสมบัติที่ช่วยเรื่องอะไรบ้างนะ

ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ

เป็นกระบวนการที่ใช้ในการนำสเต็มเซลล์เข้าสู่ระบบหลอดเลือด ช่วยปรับสมดุลผิว เสริมสร้างความกระชับและเต่งตึง ฟื้นฟูผิวให้แลดูกระจ่างใส พร้อมป้องกันการเกิดผื่นแพ้ต่างๆ

สรุป

การฉีดสเต็มเซลล์ทั้งสองวิธี สามารถเพิ่มเซลล์ Fibroblast มีหน้าที่ในการสร้างโปรตีน 2 ชนิด คือ

คอลลาเจน และอิลาสติน

ให้กับผิวหนังของเรา จึงทำให้ผิวหนังเรามีความชุ่มชื้น ความแข็งแรง

ฉีดสเต็มเซลล์ MSC stemCell
ช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวได้อย่างไร

MSC Stemcell ที่นำมาใช้ฉีดบริเวณใบหน้านั้นจะสามารถชะลอวัย ลดริ้วรอย

เมื่ออายุมากขึ้นอัตราการสร้างเซลล์ขึ้นมาทดแทนจะน้อยกว่าการที่เซลล์ถูกทำลาย 

เมื่อเราทำการฉีดสเต็มเซลล์เข้าไป จะเป็นการเพิ่มปริมาณเซลล์ในร่างกายและใช้เซลล์เหล่านั้นซ่อมเซลล์ส่วนที่มีการเสื่อมสภาพ

จะเริ่มเห็นผลหลังจากการรักษาที่ประมาณ

3 สัปดาห์

ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย หลังจากฉีดสภาพผิวก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนี้

คืนความกระชับเต่งตึงให้กับผิว

ฟื้นฟูผิวให้ดูเรียบเนียน
และดูกระจ่างใส

ผิวแลดูอ่อนนุ่ม ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว เปล่งปลั่ง

ชะลออายุผิว ดูอ่อนเยาว์ลง

ฉีดสเต็มเซลล์ MSCs เหมาะกับใคร

สเต็มเซลล์เหมาะกับใคร

การฉีดสเต็มเซลล์ MSC Stem cell จะช่วยให้ร่างกายผลิตสารจำพวก Growth Factor ได้ซึ่งมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูร่างกายและกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ใหม่ ส่งผลให้เซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกายได้รับการซ่อมแซมและฟื้นตัวได้ คนที่เหมาะ MSC Stem cell ก็จะมีดังนี้

  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความเสื่อมโทรมของร่างกาย
  • ผู้ที่ต้องการลดร่องรอยที่เกิดจากวัย สเต็มเซลล์จะผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว เติมเต็มร่องให้ดูตื้นขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการให้ผิวดูดีมีสุขภาพ ผิวแข็งแรงขึ้น จากการสร้างเซลล์ใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทน

ฉีดสเต็มเซลล์ไม่เหมาะกับใคร

ตามปกติแล้ว การฉีดเซลล์เข้าไปในร่างกายแม้จะเป็นเซลล์ของตนเองก็ตาม มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้ สำหรับคนที่ไม่เหมาะที่จะฉีดสเต็มเซลล์ มีดังนี้

  • ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง เนื่องจากสเต็มเซลล์จะผลิต Growth Factor ที่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตมากขึ้นได้
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ภูมิต้านทานตัวเอง เพราะอาจจะมีภาวะแพ้จากการฉีดสเต็มเซลล์จนเกิดอันตรายได้ 
  • ผู้ที่มีสภาพร่างกายไม่พร้อมเพราะการที่จะฉีดสเต็มเซลล์นั้นจะส่งผลกระทบต่อร่างกายโดยตรง อาจจะป่วยได้

ด้วยเหตุนี้แล้วผู้ที่ตัดสินใจที่จะฉีดสเต็มเซลล์ควรผ่านขั้นตอนการตรวจสุขภาพและความสมบูรณ์ของร่างกายจากแพทย์อย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

ขั้นตอนการฉีด stemCell

ขั้นตอนการฉีด REJU MSC STEM CELL

1. ปรึกษาแพทย์

เพื่อทำการประเมินสภาพผิวในเชิงลึก ว่าต้องกำหนดจำนวนเซลล์ที่ต้องใช้ในการฉีดเท่าไร ซึ่งจำนวนเซลล์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

2. ทำความสะอาดใบหน้า

ก่อนการฉีด MSC Stemcell ควรทำความสะอาดใบหน้าเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกหรือความมันบนใบหน้าให้เรียบร้อยก่อน

3. แปะยาชา

ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ หลังจากนั้นเปิดผิวด้วย Nano Electrical IMA เพื่อช่วยให้สเต็มเซลล์เข้าไปฟื้นฟูเซลล์เก่าได้อย่างเต็มที่

4. ฉีด MSC Stemcell เข้าสู่ผิว

เป็นขั้นตอนเพิ่มจำนวนสเต็มเซลล์ เข้าสู่ผิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินจำนวนเซลล์ก่อนฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่สูงสุด

5. พักรักษารอยเข็มด้วยการประคบเย็น

หลังจากการฉีดควรจะประคบเย็นเพื่อรักษารอยเข็มให้จางลงโดยจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลเพื่อความปลอดภัย

ฉีดสเต็มเซลล์หน้าใสมีผลข้างเคียงไหม

การฉีด MSC Stemcell สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงในผู้ใช้งานบางคนที่มีร่างกายไม่พร้อมกับการใช้งาน โดยอาจจะเกิดอาการแพ้ ภูมิคุ้มกันร่างกายต่อต้าน หรืออาจจะเกิดเนื้องอกจากการที่สเต็มเซลล์แบ่งเซลล์มากเกินไปได้ ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนทำการรักษา

หากใช้ Stemcell คนอื่นมาฉีดได้ไหม อันตรายหรือไม่

การเก็บสเต็มเซลล์ของคนอื่นมาฉีดไม่เป็นอันตราย แต่ให้ดีที่สุดคือใช้สเต็มเซลล์จากของตัวเอง จะลดโอกาสแพ้หรือภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อต้านได้มากกว่า

ฉีดสเต็มเซลล์ (MSC)
ราคาเท่าไหร่ ?

MSC Stemcell ของทาง Waleerat Clinic นั้นเป็นมากกว่าการรักษา เพราะคือการฟื้นฟูและเสริมผิวให้แข็งแรง 

ตามแนวคิดที่ไม่ใช่แค่มุ่งรักษาแต่ป้องกันโรค ไม่ใช่แค่หน้าใสลดริ้วรอย แต่ช่วยฟื้นฟูชะลอวัย

ค่าใช้จ่ายในการฉีด MSC STEMCELL

ฉีดหน้า

เสต็มเซลล์ 3 ล้านเซลล์ ราคา 50,000 บาท

 

ฉีดหน้าและคอ

เสต็มเซลล์ 5 ล้านเซลล์ ราคา 80,000 บาท

 

ฉีดหน้าและตัว

เสต็มเซลล์ 25 ล้านเซลล์ ราคา 250,000 บาท

Before & After

รีวิวจากผู้ที่ฉีด Reju MSC

ผู้ที่เลือกใช้บริการโปรแกรมสเต็มเซลล์

หลังจากที่ได้เข้ารับการบริการแล้วนั้นใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ ผิวหนังมีความกระชับเต่งตึงมากยิ่งขึ้น ทั้งยังทำให้ผิวเรียบเนียนเปล่งปลั่ง และดูกระจ่างใสมากกว่าตอนแรกอีกด้วย

FAQ

สำหรับผู้ที่มีคำถามเกี่ยวกับการฉีดสเต็มเซลล์

Waleerat ได้รวบรวมคำถามที่พบได้บ่อยมาตอบให้คลายสงสัยกันแล้ว

ได้ เพราะสเต็มเซลล์สามารถทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพหรือตายไปแล้วของร่างกายได้ แต่หากต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ควรใช้การเลเซอร์ร่วมด้วย

เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป และผู้มีสภาพผิวที่อ่อนแอ

หลังจากฉีดสเต็มเซลล์ก็จะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ 1-3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละบุคคลด้วย

สามารถฉีดสเต็มเซลล์ซ้ำได้ทุกๆ  1 ปี

อาการบวมช้ำเพียงเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ในรายที่ฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อ่อนเพลียในวันแรก

ปัจจุบันนิยมใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในประเทศไทยจะได้ความสดใหม่ และจำนวนเซลล์มากกว่านำเข้าจากต่างประเทศ

โดยปกติการ ฉีดที่ใบหน้าอาจมีการบวม ตัวยาเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นแต่มักมีอาการเพียงเล็กน้อย ไม่เกิน 2 วัน

เนื่องจากเป็นเซลล์มีแหล่งกำเนิดจากมนุษย์โอกาสแพ้จึงน้อยมาก แต่มีรายงานการแพ้ส่วนประกอบของสารอาหารที่ใช้เพาะเลี้ยงเซลล์ จึงต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น