สารบัญ
chelation therapy

Chelation Therapy เทคนิคล้างพิษหลอดเลือด ฟื้นฟูร่างกาย

คีเลชั่นบำบัด ( Chelation Therapy) คือ การบำบัดเพื่อกำจัดสารพิษในร่างกาย เนื่องจากร่างกายของมนุษย์เรามีโอการรับสิ่งที่เรียกว่า “โลหะหนัก” เข้าไป ไม่ว่าจากการรับประทานอาหาร หรือการปนเปื้อนในอากาศ ซึ่งโลหะเหล่านี้ก็อย่างเช่น ปรอท ตะกั่ว เหล็ก สารหนู แคดเมียม และอื่นๆ หากร่างกายรับสารพวกนี้จนเกิดการสะสมที่มากเกินไป อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถขับสารพิษเหล่านี้ออกไปได้หมด คีเลชั่นบำบัดจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพ

Table of Contents
คีเลชั่นบำบัด

ทำความรู้จัก! Chelation Therapy ตัวช่วยล้างสารพิษในร่างกาย

คีเลชั่นคือหัตถการที่ช่วยล้างสารพิษในหลอดเลือดเพื่อกำจัดโลหะหนัก และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้ หลักการทำงานของคีเลชั่นคือการใช้ยาที่มีคุณสมบัติที่ไปดูดซับดักจับโลหะหนักในเลือด และขับออกทางปัสสาวะ ซึ่งจะทำการให้ยาผ่านทางเส้นเลือด ก่อนทำการรักษานั้น แพทย์จะต้องทำการตรวจเลือด เพื่อตรวจดูว่าร่างกายของคุณมีโลหะหนักหรือไม่ การทำงานของไต และหลอดเลือดเป็นอย่างไร

การได้รับสารโลหะหนัก ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพ

การได้รับสารโลหะหนัก ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพ

โลหะหนักถือเป็นภัยอันตรายที่หลายๆ คนอาจคาดไม่ถึง ซึ่งในปัจจุบันการรับสารเหล่านี้เข้าไปในร่างกายถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายดาย เพราะโลหะหนักเหล่านี้ส่งผ่านมายังร่างกายของเราผ่านการรับประทานอาหาร การสัมผัสข้าวของเครื่องใช้ เครื่องสำอาง และการหายใจเอามลพิษเข้าไป เป็นต้น โลหะหนักที่ว่าก็คือ ปรอท สารหนู แคดเมียม ตะกั่ว อะลูมิเนียม และนิกเกิ้ล หากร่างกายรับโลหะหนักเหล่านี้มากเกินไป อาจเกิดอาการเตือนเหล่านี้ เช่น

  • เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย

อาการอ่อนเพลียมักเกิดจากการรับเอาโลหะหนักประเภทสารหนู อลูมิเนียม และแทลเลียมเข้าไป ซึ่งโลหะหนักเหล่านี้จะเข้าไปทำลายความสามารถในการสร้างพลังงานของร่างกายจึงทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า แม้จะพักผ่อนเต็มที่

  • ปวดศีรษะ

มีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบทางสุขภาพของสารโลหะหนักจำพวกปรอทและพบว่า อาการที่พบบ่อยที่สุดคืออาการปวดศีรษะ ซึ่งมักเกิดจากการสัมผัสโลหะเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง

  • โรคปอด หอบหืด หายใจติดขัด 

การรับโลหะหนักเข้าไปในร่างกายจากการรับฝุ่นผงโลหะส่งผลให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับปอดได้ บุคคลที่มีความเสี่ยงอย่างเช่น ช่างเชื่อมโลหะต่างๆ หากรับแคดเมียมเข้าไปอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง หรือหากรับแคดเมียม แพลตินัม นิกเกิ้ล โครเมียม หรือโคบอลต์เข้าไป ก็อาจส่งผลให้เกิดโรคหอบหืดได้ เป็นต้น

  • นอนไม่หลับ

การได้รับโลหะหนักประเภทปรอทเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่อง มีส่วนทำให้เกิดโรค Erethism หรือเรียกอีกอย่างว่า Mad Hatter disease ซึ่งโรคดังกล่าวทำให้เกิดความผิดปกติด้านพฤติกรรม เกิดอาการความจำเสื่อม กระวนกระวาย ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจ และโรคนอนไม่หลับนั่นเอง 

  • เกิดผื่นภูมิแพ้

อาการแพ้โลหะสามารถเกิดได้ในบริเวณเล็กๆ ไม่รุนแรง จนถึงขั้นรุนแรง และขายบริเวณกว้างได้ ซึ่งอาการที่ปรากฏให้เห็นได้ก็อย่างเช่น โรคผื่นระคายสัมผัส (Contact Dermatitis) ทำให้เกิดผื่นแดง คัน และบวม ทั้งยังสามารถพัฒนาไปเป็นลมพิษได้อีกด้วย

ใครเหมาะกับการทำ Chelation Therapy

ใครเหมาะกับการทำ Chelation Therapy

Chelation Therapy เป็นหัตถการที่ช่วยล้างพิษจากโลหะหนักภายในร่างกายได้ แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเรานั้นเหมาะหรือมีความจำเป็นหรือมากน้อยแค่ไหนในการทำคีเลชั่น มาดูกันว่าการทำคีเลชั่นนั้นเหมาะกับใครบ้าง 

  • ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ หากคุณต้องการดูแลสุขภาพ และลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ ที่เกิดจากโลหะหนัก การทำคีเลชั่นถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะช่วยรักษาสุขภาพ และกำจัดสารพิษที่สะสมก่อนที่จะเกิดโรคต่างๆ ตามมา
  • ผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น ร่างกายอ่อนแอ อ่อนเพลีย เหนื่อยล้าง่าย วิงเวียน หรือปวดศีรษะ
  • ผู้มีภาวะเสี่ยงเป็นโรคต่างๆ เช่น การอุดตันของหลอดเลือด จากไขมันในเลือดสูง การดื่ม ชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พฤติกรรมการทานอาหารที่ไม่เหมาะสม และมีภาวะเครียด
  • ผู้ที่สัมผัสโลหะหนักเป็นประจำ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการสัมผัสโลหะหนักต่างๆ เช่น คนเหมือง ช่างเชื่อม ช่างเจียรไน และบุคคลที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น
ประโยชน์ของการทำคีเลชั่น

ประโยชน์ของการทำคีเลชั่น

การทำหัตถการคีเลชั่นเป็นกระบวนการล้างสารพิษจากโลหะหนักที่สะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตั้งแต่อาการระยะสั้น ไปจนถึงกลุ่มโรคร้ายแรง เช่น โรคทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง เป็นต้น โดยประโยชน์ของการทำ Chelation Therapy ก็มีดังต่อไปนี้

  • ลดสารพิษตกค้าง การทำคีเลชั่นจะช่วยล้างสารพิษจากโลหะหนัก และขับออกทางปัสสาวะ
  • ลดความดันโลหิต ปรอท แคดเมียม และโลหะหนักอื่นๆ ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ การกำจัดสารเหล่านี้จึงช่วยลดความดันโลหิตสูงได้
  • บรรเทาอาการหอบหืด ภูมิแพ้ การสูดดม สัมผัสรับเอาผงแร่ หรือโลหะหนักเข้าไปเป็นประจำอาจทำให้เกิดอาการแพ้ และโรคทางเดินหายใจ คีเลชั่นจึงช่วยในการขับโลหะหนักที่สะสมออกไปได้ และลดโอกาสเกิดอาการแพ้ หรือดรคหอบหืดได้
  • ลดอาการอ่อนเพลีย โลหะหนักทำให้ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) หรือแหล่งสร้างพลังงานของเซลล์ทำงานไม่ปกติ ซึ่งทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย เมื่อล้างสารพิษออกไปจึงทำให้ร่างกายกลับมาสดชื่นอีกครั้ง
  • ลดโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็ง การสัมผัส สูดดม และรับโลหะหนัก เช่น แคดเมียมเข้าไปมีโอกาสทำให้เกิด Carcinogenesis ในเนื้อเยื่อต่างๆ  ซึ่งก็คือการที่เซลล์ปกติ แข็งแรง แปรเปลี่ยนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง เพราะฉะนั้น เมื่อทำคีเลชั่นจึงมีส่วนช่วยในการลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้
การดูแลตัวเองก่อนและหลังการทำคีเลชั่น

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการทำคีเลชั่น

ถึงแม้การทำคีเลชั่นบำบัดจะมีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย แต่ทว่าในการทำหัตถการ หรือการรักษาต่างๆ ก็ย่อมมีผลข้างเคียง และข้อควรระวังบางประการที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งผลข้างเคียงจากการทำคีเลชั่น มีดังต่อไปนี้

  • อ่อนเพลีย เกิดจากการขับของเสียออกทางร่างกาย ช่วงนี้ควรพักผ่อน และดื่มน้ำมากๆ 
  • แสบร้อนบริเวณที่ให้ยาผ่านเส้นเลือด เป็นอาการที่พบได้บ่อย และไม่เป็นอันตราย
  • ระดับแร่ธาตุจำเป็นของร่างกายลดลง ในกระบวนการขับของเสียออกจากร่างกาย ส่งผลให้เกิดการขับโลหะ และแร่บางอย่างที่ร่างกายต้องการไปด้วย ซึ่งการทำคีเลชั่นในบางครั้งจึงได้มีการเพิ่มวิตามิน และแร่ต่างๆ เข้าไปด้วย เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดสารอาหารที่จำเป็น

การดูแลตัวเองก่อนและหลังการทำคีเลชั่น

การให้ความสำคัญของการดูแลัวเองทั้งก่อนและหลังการทำคีเลชั่นเป็นสิ่งจำเป็น ก่อนการทำก็ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อการรักษาที่ราบรื่น และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังจากทำคีเลชั่นเพื่อการพักฟื้นที่รวดเร็ว

ก่อน

  • งดทานอาหารเสริมที่มีแร่ธาตุต่างๆ 24 ชั่วโมงก่อนทำคีเลชั่น
  • แพทย์ทำการตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของไต และระดับอิเลคโทรไลท์ในกระแสเลือด
  • เมื่อรับการฉีด EDTA ปัสสาวะจะถูกเก็บเพื่อตรวจหาระดับโลหะหนักที่อยู่ในกระแสเลือด

หลัง

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • งดการดื่มแอลกออล์ และการสูบบุหรี่ในระหว่าง และหลังการทำตีเลชั่นบำบัด
Chelation Therapy มีขั้นตอนอย่างไร

Chelation Therapy มีขั้นตอนอย่างไร

ขั้นตอนการทำ Chelation Therapy มีดังต่อไปนี้

  • ทำการตรวจร่างกาย มีการซักประวัติ และตรวจเลือดดูการทำงานของไต เนื่องจากของเสียจะถูกขับออกทางไตผ่านปัสสาวะ
  • ทำการให้สารน้ำที่เรียกว่า EDTA ผ่านทางเส้นเลือดดำ (IV) หรือให้ยาทาน ซึ่งสารนี้จะเข้าไปทางกระแสเลือดและกำจัดสารพิษออกมาทางปัสสาวะ พร้อมให้วิามินเสริมเพื่อชดเชยวิตามิน และแร่ธาตุบางส่วนที่ถูกขับออกไปพร้อมกับของเสีย

FAQ รวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับคีเลชั่น พร้อมคำตอบ

หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคีเลชั่นบำบัด บทความนี้ได้รวบรวมคำถามและคำตอบยอดฮิตที่หลายๆ คนสงสัยเกี่ยวกับ Chelation Therapy

คีเลชั่นคืออะไร

คีเลชั่นคือการกำจัดของเสีย ล้างสารพิษจากโลหะหนักที่เข้าไปยังร่างกาย โดยผ่านกระบวนการรักษาผ่านหลอดเลือดดำ ที่เรียกว่า EDTA  เพื่อเข้าไปดักจับโลหะที่สะสมอยู่ในร่างกาย และขับออกมาทางปัสสาวะ

ทำคีเลชั่นได้บ่อยแค่ไหน

การทำคีเลชั่น สามารถทำได้บ่อยถึงสัปดาห์ละครั้ง และทำต่อเนื่องอีก 10-20 ครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล อาการของโรค และดุลยพินิจของแพทย์

คีเลชั่นปลอดภัยไหม

คีเลชั่นมีความปลอดภัยหากทำการรักษาอย่างถูกวิธี และเลือกรับบริการจากสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้

คีเลชั่นมีผลข้างเคียงหรือไม่

ผลข้างเคียงก็อาจเกิดขึ้นจากการทำคีเลชั่น เช่น อาการแสบร้อนบริเวณที่ทำการฉีดยาผ่านเส้นเลือด มีไข้หนาวสั่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ผลข้างเคียงร้ายแรงที่พบ อาจทำให้ระดับแคลเซียม และแร่ธาตุจำเป็นในร่างกายลดลง ชัก ความดันต่ำ อาการแพ้ เป็นต้น

Chelation Therapy ราคาเท่าไหร่

การทําคีเลชั่นราคาจะเริ่มต้นที่ราวๆ 3,500 บาท ขึ้นไปต่อครั้ง

Copyright © 2022 Waleerat Clinic