ปลูกผม FUE

ไขข้อข้องใจ ปลูกผม FUE คืออะไร ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องผมได้จริงไหม

Table of Contents
ปลูกผม ปัญหาผมร่วง หัวล้าน

ปัญหาผมร่วง หัวล้าน เรียกความมั่นใจกลับมาได้ด้วยการปลูกผม

โดยตามปกติ คนเราจะผมร่วงเฉลี่ยประมาณ 120-160 เส้นต่อวัน แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วงในปริมาณมากผิดปกติ จนเกิดปัญหาผมบาง หรือหนังศีรษะล้านตามมา ถือเป็นปัญหาที่สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ และก่อให้เกิดความเครียดได้โดยตรง เนื่องจากเป็นสิ่งที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้หลายๆ คนสรรหาวิธีการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือลดอัตราการขาดร่วงของเส้นผม ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้แชมพูสูตรป้องกันผมร่วง หรือการกินยาไมน็อกซิดิล (Minoxidil) และฟิแนสเตอไรด์ (Finasteride) เป็นต้น 

แต่ในความเป็นจริง อีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือศีรษะล้านที่น่าสนใจ ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด และให้ผลลัพธ์ที่ดี คือ การปลูกผม (Hair Transplantation)

เทคนิคการปลูกผม

เทคนิคการปลูกผมที่ได้รับความนิยม มีอะไรบ้าง

การปลูกผม (Hair Transplantation) คือ การศัลยกรรมหนังศีรษะด้วยการนำเอากราฟท์​ผมของคนไข้เองมาปลูกผมไว้ในจุดที่ต้องการ โดยกราฟท์ผม คือ กอเนื้อเยื่อเส้นผม ซึ่ง 1 กราฟท์ผมจะมีเส้นผมประมาณ 1-4 เส้น นิยมนำมาจากบริเวณด้านหลังท้ายทอย เพราะเป็นเซลล์ผมถาวรที่มีความแข็งแรง หรืออาจนำมาจากบริเวณอื่นๆ ที่มีเส้นขน เช่น รักแร้ หรือขนหน้าอก เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันมีวิธีการปลูกผมมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ได้แก่

การปลูกผมแบบ FUE

การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) ถือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการปลูกผมถาวรที่ได้รับความนิยม โดยใช้หัวเจาะขนาดเล็ก ขนาดเพียง 0.8-1 มิลลิเมตร ในการนำเซลล์รากผมที่มีความสมบูรณ์จากบริเวณด้านหลังศีรษะ หรือเหนือกกหู แล้วนำเซลล์รากผมไปปลูกในตำแหน่งและทิศทางที่ต้องการ เมื่อปลูกผมไปสักพัก เซลล์รากผมจะติดกับเนื้อเยื่อรอบๆ ดังนั้น เซลล์รากผมจึงมีความแข็งแรง และมองไม่เห็นรอยแผล ทำให้การปลูกผม FUE เป็นการปลูกผมไร้แผลเป็น (SFET) ที่นิยมมาก โดยยังมีข้อดีอื่นๆ ดังนี้

  • ไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด เนื่องจากแผลจะมีขนาดไม่เกิน 1 มิลลิเมตร ทำให้แผลสามารถหายได้เอง และไม่เหลือรอยแผลเป็น
  • เส้นผมที่ปลูกใหม่จะมีอัตราการเกิดขึ้นที่สูง รวมถึง มีความแข็งแรง และไม่หลุดร่วงง่าย ดูเป็นธรรมชาติ
  • เลือดออกน้อยหลังปลูกผม รวมถึง หนังศีรษะไม่ค่อยมีอาการเจ็บและตึง
  • ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน เมื่อปลูกผมเสร็จสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

สำหรับการปลูกผมถาวร FUE จะเหมาะกับกลุ่มคนเหล่านี้ เช่น

  • ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง เช่น ผมร่วงเยอะผิดปกติ หัวล้าน และผมบาง รวมถึงปัญหาผมบางตรงกลางศีรษะ
  • ผู้ที่แนวผมร่นสูง ทำให้บริเวณหน้าผากดูกว้าง
  • ผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา หรือไม่อยากใช้เวลาพักฟื้นนาน

การปลูกผมแบบ FUT

การปลูกผม FUT (Follicular Unit Hair Transplant) คือ เทคนิคการปลูกผมถาวรที่แพทย์จะผ่าตัดเซลล์รากผมบริเวณด้านหลังท้ายทอยออกมาเป็นแผ่น ก่อนจะนำมาแบ่งกราฟท์ผมด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อนำไปปลูกผมในบริเวณที่ต้องการ โดยข้อดีคือกราฟท์ผมที่ได้จะมีความสมบูรณ์มาก และมีโอกาสที่เซลล์ผมเสียหายน้อย ถือเป็นวิธีการปลูกผมที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการปลูกผม FUE คือผมที่ขึ้นใหม่จะมีความแข็งแรง และดูเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ จะแตกต่างกันตรงที่การปลูกผมรูปแบบ FUT จะทำให้ผู้รับบริการมีรอยแผลเป็นเส้นตรงยาวในบริเวณที่ผ่าตัด แต่เมื่อผมยาวก็จะปกปิดรอยได้

การปลูกผมแบบ DHI

การปลูกผม DHI (Direct Hair Implantation) คือ เทคนิคการปลูกถาวรที่ช่วงการทำกราฟท์ผมจะใช้วิธีการเดียวกับการปลูกผมแบบ FUE คือ การใช้เข็มขนาดเล็กเจาะเอาเซลล์ผมออกมาจากบริเวณท้ายทอยของผู้รับบริการ แต่จะแตกต่างในขั้นตอนการปลูกผม โดยการปลูกผมแบบ DHI จะใช้เครื่อง DHI Implanter ที่ช่วยให้สามารถปักกราฟท์ผมและปลูกผมพร้อมกันทีละหลายเส้นได้

ปลูกผมราคาเท่าไร

ปลูกผมราคาเท่าไร

ราคาสำหรับการปลูกผมจะแตกต่างกันออกไปตามจำนวนกราฟท์ หรือวิธีการปลูกผมที่เลือกทำ รวมถึง โปรโมชันของสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ใช้บริการ สำหรับที่ Waleerat Clinic จะมีอัตราค่าบริการเริ่มต้นสำหรับการปลูกผมแบบ FUE อยู่ที่ราคากราฟท์ละ 88 บาท

ใครไม่เหมาะกับการปลูกผม

ใครไม่เหมาะกับการปลูกผม

แม้การปลูกผมจะเป็นหัตถการที่ช่วยแก้ไขปัญหาผมบาง ผมร่วง หรือหัวล้านได้อย่างตรงจุด แต่การปลูกผมอาจไม่สามารถทำได้กับทุกคน เนื่องด้วยข้อจำกัดบางประการ เช่น

  • ผู้ที่มีปริมาณผมน้อยเกินไป หรือไม่เพียงพอต่อการปลูกผม
  • ผู้ที่ผมร่วง หรือหัวล้านที่เป็นผลข้างเคียงมาจากการรักษาโรค หรือการใช้ยาบางชนิด เช่น ผู้ที่ทำเคมีบำบัด
  • ผู้ที่มีปัญหาเป็นแผลเป็นหรือคีลอยด์ง่าย หลังจากผ่าตัด
  • ผู้หญิงที่มีหนังศีรษะล้านเป็นวงกว้าง หรือมีลักษณะกระจัดกระจาย
ขั้นตอนปลูกผม

ขั้นตอนปลูกผม

สำหรับการปลูกผม FUE จะมีขั้นตอน ดังนี้ 

  • วิเคราะห์หาสาเหตุของผมร่วง หรือหัวล้าน เนื่องจากการปลูกผมถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการทำศัลยกรรม ก่อนการปลูกผม แพทย์จำเป็นต้องวินิจฉัยหาปัจจัยหรือสาเหตุที่ทำให้ผมบาง หรือหัวล้านก่อน เพื่อให้สามารถเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้
  • วางแผนการรักษา แพทย์จะออกแบบและวาดแนวผมที่จะปลูกใหม่ร่วมกับผู้รับบริการ รวมถึง การคำนวณกราฟท์ผมที่จำเป็นต้องใช้
  • การเตรียมตัวก่อนปลูกผม ก่อนการเข้ารับการปลูกผม ผู้ป่วยจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงไม่พึ่งประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัด และเพื่อให้การปลูกผมมีผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โดยควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด หยุดรับประทานยาหรืออาหารเสริมที่ส่งผลกระทบต่อการรักษา และควรสระผมให้สะอาดและงดการจัดแต่งทรงผมในวันที่เข้ารับการปลูกผม
  • แพทย์เตรียมหนังศีรษะก่อนการปลูกผม แพทย์จะเริ่มทำความสะอาดหนังศีรษะบริเวณที่จำเป็นต้องมีการผ่าตัด และฉีดยาชาเฉพาะที่ หรือให้ยานอนหลับอย่างอ่อน เมื่อผู้ป่วยรู้สึกชาแล้ว จะเริ่มการโกนผมในบริเวณที่ต้องการทำการปลูกผม เพื่อให้สามารถมองเห็นหนังศีรษะได้อย่างชัดเจน
  • การเตรียมกราฟท์ผม หลังจากยาชาออกฤกธิ์ แพทย์จะใช้เครื่องมือเจาะด้านหลังของศีรษะ เพื่อนำเอารากผมออกมา และแช่ในน้ำยาเลี้ยงเซลล์รอไว้ในระหว่างเก็บรากผมให้ครบตามจำนวนที่ต้องการ
  • การปลูกผม แพทย์จะเจาะรูบริเวณที่ต้องการปลูกเส้นผมใหม่ โดยการกำหนดตำแหน่งการวางแนวผม ความหนาแน่น และทิศทางที่จะทำให้ผมใหม่ดูเป็นธรรมชาติ หลังจากนั้น จะนำกราฟท์ผมใส่ลงไปให้ครบ และปิดผ้าพันแผลบริเวณที่ปลูกผมอย่างน้อยประมาณ 1-2 วัน
ข้อควรระวังและการดูแลตัวเองหลังปลูกผม

ข้อควรระวังและการดูแลตัวเองหลังปลูกผม

หลังจากปลูกผมเรียบร้อยแล้ว ผู้รับบริการจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ โดยข้อควรระวังและแนวทางการดูแลตัวเองหลังปลูกผม มีดังนี้

  • กินยาตามแพทย์สั่ง โดยแพทย์อาจให้ยาแก้ปวด ยาต้านการอักเสบ และยาปฏิชีวะนะ
  • หมั่นสังเกตอาการของตนเองว่ามีความผิดปกติ เช่น เลือดออกมาก อาการคัน หรืออาการชา บริเวณหนังศีรษะ หรือจุดที่ทำการปลูกผม โดยหากพบอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
  • ไม่นอนราบกับพื้น ควรนอนโดยยกศีรษะให้สูงขึ้นประมาณ 45 องศา เพื่อป้องกันความดันบริเวณศีรษะมากเกินไป จนอาจส่งผลกับเซลล์ผมที่ปลูกได้
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวจะมีความไวต่อแสงแดดค่อนข้างมาก และควรสวมหมวกที่แพทย์ให้ เพื่อให้อากาศบริเวณศีรษะสามารถถ่ายเทได้ดี
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก เนื่องจากอาจทำให้แผลหายช้า หรือเกิดติดเชื้อได้
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้แผลที่ปลูกผมมีเลือดออก เนื่องจากหลอดเลือดขยายตัว ส่วนสารในบุหรี่จะทำให้ออกซิเจนในเลือดลดลง ทำให้เซลล์รากผมอาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
FAQ กับคำที่ถามพบบ่อยเกี่ยวกับการปลูกผมแบบ FUE

FAQ กับคำที่ถามพบบ่อยเกี่ยวกับการปลูกผมแบบ FUE

Waleerat Clinic ได้รวบรวมคำถามและคำตอบ ที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับการปลูกผมแบบ FUE เอาไว้แล้ว

ปลูกผมแบบ FUE เจ็บไหม

เนื่องจากแพทย์จะมีการฉีดยาชาให้ผู้เข้ารับบริการก่อน ทำให้ในการปลูกผมจะไม่มีความรู้สึกเจ็บ สำหรับการปลูกผมแบบ FUE จะมีบาดแผลขนาดเล็กเท่านั้น ทำให้หลังการปลูกผม หนังศีรษะจะมีอาการเจ็บหรือตึงไม่มาก

ปลูกผมแบบ FUE จะเห็นผลเมื่อไหร่

หลังจากปลูกผมแบบ FUE ผมที่ปลูกใหม่จะเริ่มขึ้นเป็นเส้นเล็กในระยะเวลาประมาณ 6-7 เดือน ก่อนจะมีความยาวและความแข็งแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

การศัลยกรรมปลูกผมเห็นผลแบบถาวรไหม

ในการปลูกผมถาวรแบบ FUE จะมีการเลือกใช้กราฟท์ผมจากบริเวณท้ายทอย ซึ่งเป็นจุดที่เส้นผมมีความแข็งแรง และหลุดร่วงได้ยาก โดยผมที่ปลูกใหม่จะมีการหลุดร่วงตามวงจรของเส้นผมปกติ แต่รากผมที่แข็งแรงยังคงอยู่ และจะมีการงอกตามปกติ ทำให้ผลลัพธ์การปลูกผมสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต