SCulptra
ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับ Sculptra(สกัลป์ทรา) 2024
สรุป
- Sculptra (สกัลป์ทรา) เป็น Collagen stimulator ตัวแรกของโลก และเป็นตัวเดียวที่ผ่านการรับรองจาก US FDA ทำให้มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยสูงและผลลัพธ์ที่ได้ก็ดูเป็น ธรรมชาติ รวมถึงไม่มีผลหรืออาการข้างเคียงใดๆ
- การฉีดสกัลป์ทรา เป็นการฟื้นฟูสภาพผิวจากผิวชั้นลึก ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยเห่งวัย ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียนแลดูอ่อนเยาว์
- ต้องได้รับการแนะนำและดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
เลือกหัวข้อที่สนใจ
sculptra คืออะไร
Sculptra Filler คือ PLLA หรือ Poly-L-Lactic acid ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกา เป็นสารสังเคราะห์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและช่วยฟื้นฟูโครงสร้างชั้นลึกของผิว
โดยเป็นการฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวที่เรียกว่า แมคโครฟาจ มาช่วยในการทำงานทำให้คืนความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
ซึ่งจะคงปริมาตรได้ดีกว่า Hyalyronic Acid ทั่วไปและ สลายตัวช้ากว่าทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นอื่นๆ รวมไปถึงช่วยลดเลือนริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
สำหรับใครที่เจอปัญหาผิวหน้าเสื่อมโทรม หมองคล้ำริ้วรอยเยอะ ต้องการที่จะหาตัวช่วยในการฟื้นฟูผิวหน้าให้อ่อนเยาว์ กระจ่างใส ไร้ริ้วรอยการฉีด Sculptra เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ
สกัลป์ทรา ราคาเท่าไหร่
Sculptra ราคาเริ่มต้น 25,000 บาท (ตัวยา 5 cc) ขวดละ 45,000 (10 cc)
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีมาก แนะนำฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง โดยเว้นห่าง 4-6 สัปดาห์ต่อการฉีด 1 ครั้ง
sculptra galderma
วลีรัตน์ คลินิก ใช้ Sculptra (สกัลป์ทรา) จากบริษัท Galderma (Thailand) ผู้นำเข้า Filler Restylane ในประเทศไทยซึ่งได้รับการอนุมัติจาก USFDA
ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 ดังนั้น มั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัยได้
sculptra ทำงานอย่างไร
Sculptra vs Filler
sculptra เหมาะกับใคร
คนไข้ที่มีปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยเช่น เวลาที่เราดึงผิวบริเวณแก้มออกมาแล้ว มันดึงออกได้เยอะมากแปลว่าผิวเรา ไม่เฟิร์ม เกิดจากคอลลาเจนในชั้นผิวเหลือน้อยลง
การฉีด Sculptra (สกัลป์ทรา) จะทำให้ สิ่งที่ยืดออกมาหดกลับสั้นเข้าไปหรือดึงผิวได้น้อยลงแปลว่าผิวจะเฟิร์มขึ้นและคนที่มีริ้วรอยบนใบหน้า เรียกว่า Statical คืออยู่เฉยๆก็ มีริ้วรอย
ซึ่งเกิดจากผิวหนังที่มันเหี่ยวย่นถ้าได้รับการ ฉีด Sculptra เข้าไป Skin Quality หรือว่า คุณภาพของผิวหนังจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและมีความยืดหยุ่นมีความตึงที่ดีขึ้น
หลังจากฉีด Sculptra เข้าสู่เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังแล้ว ตัวยาจะเริ่มกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ เติมเต็มช่องว่างที่ทำให้เกิดรอยพับและริ้วรอย
สารสำคัญใน Sculptra จะค่อยๆ ถูกดูดซึม และเริ่มทำงานอย่างเต็มที่ ในการส่งเสริมการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจน โดยการเรียกเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า แมคโครฟาจ
มาช่วยในการทำงาน หลังจากนั้นการสร้างเนื้อเยื่อจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องให้ผลิตคอลลาเจนของตัวเองอีกครั้ง ทำให้คืนความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
Sculptra มาจากไหน
Sculptra คือสารที่เป็นส่วนประกอบของ Collagen ซึ่งสกัดมาจากพืช ปราศจากส่วนผสมจากสัตว์จึงใช้ในร่างกายมนุษย์ได้โดยไม่เป็นอันตรายและไม่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ
ในปัจจุบันมีการนำมาใช้ในหลายอวัยวะ แม้แต่ใช้ทำเส้นเลือดหัวใจเทียมและสามารถนำมาฉีดเติมเต็มส่วนที่พร่องไปของใบหน้าได้ โดยสารนี้ไปกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้ซึ่งอยู่ได้กึ่งถาวร
Sculptra
ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
ในปัจจุบันการฉีด Sculptra นั้นถือได้ว่ามีประโยชน์มากกว่า ฟิลเลอร์ เพราะช่วยปรับโครงสร้างใต้ชั้นลึกของผิวทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากอายุและยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนคืนความอ่อนเยาว์
การเตรียมตัวก่อนฉีด Sculptra
การเตรียมตัวก่อนการฉีด Sculptra ต้องไม่ฉีดหรือทำหน้าด้วยหัตถการอื่นมาก่อน 4 สัปดาห์ รวมถึงควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่มยาแอสไพรินอย่างน้อย 2 สัปดาห์
เพื่อป้องกันอาการฟกช้ำและงดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นเวลา 2 สัปดาห์ รวมไปถึงควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 วัน ก่อนการฉีด
ควรพักผ่อนให้เพียงพอและดูแลสุขภาพร่างกายให้อยู่ในสภาพปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงและไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
Sculptra
เห็นผลเมื่อไหร่
ผลลัพธ์หลังการฉีดจะยังไม่เห็นผลลัพธ์หลังทำในทันที เพราะตัวยาของ Sculptra จะค่อยๆเข้าไปทำปฏิกิริยาในใต้ชั้นผิวลึกทำให้จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดประมาณ 3 สัปดาห์
ในบางรายอาจมีอาการบวมประมาณ 3 วันเนื่องจากตัวยาถูกฉีดไปในใต้ชั้นผิวลึกหลังจากนั้นจะยุบลงและจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดหน้าจะเริ่มกระจ่างใส ไร้ริ้วรอย
ฟื้นฟูใต้ชั้นลึกของผิว
ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า
ช่วยให้ใบหน้าสว่างกระจ่างใส
กระตุ้นคอลลาเจน
Sculptra
Before and After
ผู้ที่เลือกใช้บริการฉีด PLLA Sculptra
หลังจากที่ได้เข้ารับการบริการแล้วนั้นใบหน้าจะแลดูอ่อนเยาว์ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวอย่างต่อเนื่องและเป็นธรรมชาติ
ส่งผลให้ใบหน้ายกกระชับรวมไปถึงร่องแก้ม ร่องมุมปากเต่งตึงมากขึ้น ริ้วรอยดูจางลง ผิวสว่างกระจ่างใส คืนความสมดุลให้ผิว
Sculptra
มีผลข้างเคียงไหม
อาการทั่วไปหลังการฉีดในช่วง 2 วันแรกจะมีอาการบวม แดง ช้ำ บริเวณที่ฉีดและมีอาการปวดเล็กน้อย ผลข้างเคียงอื่นๆ อาจมีก้อนเล็กๆใต้ผิวหนังแต่ไม่เป็นอันตรายหรือก่อให้เกิดการอักเสบแต่อย่างใด
อาการทั่วไปจะมีเพียงอาการบวม แดง ช้ำและมีอาการปวดเล็กน้อย ซึ่งหายได้เองใน 3 วัน หลังฉีด ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แนะนำให้นวดบริเวณที่ฉีด Sculptra ทุกวันหลังฉีดประมาณ 5 วัน เพื่อให้อาการปวด บวม แดง ช้ำ ลดลง
ขั้นตอนการฉีด
Sculptra
1. แปะยาชา
ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ หลังจากนั้นแพทย์ทำการเตรียม Sculptra ให้อยู่ในรูปแบบ Active form เพื่อพร้อมใช้งานและลดความรู้สึกระหว่างทำ
2. ฉีด Sculptra เข้าผิว
โดยใช้เทคนิคการฉีดแบบ Cross-hatching ลึกลงใต้ชั้นผิว 2 เซนติเมตร ซึ่งเป็นวิธีฉีด Sculptra ที่กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีที่สุด
3. นวดแบบ Tripple 5
หลังจากการฉีดควรจะประคบเย็นเพื่อรักษารอยเข็มให้จางลงโดยจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล
เพื่อความปลอดภัยจากนั้นแนะนำให้นวดแบบ Tripple 5 (5-5-5) หมายถึง การนวดบริเวณที่ฉีด Sculpra ครั้งละ 5 นาที วันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 5 วันต่อเนื่องเพื่อป้องกันผลข้างเคียง เช่นการเกิดก้อนไม่เรียบเนียน
วิธีตรวจ Sculptra ของเเท้
เช็คสติ๊กเกอร์ข้างกล่อง
กล่องต้องอยู่สภาพสมบูรณ์ สติ๊กเกอร์ต้องไม่ถูกแกะ ขวดต้องเป็นสูญญากาศและมี PLLA เป็นผงอัดเเน่น ไม่มีการใส่น้ำมาก่อน เ
สเเกน QR CODE
ดาวโหลดแอพพลิเคชั่น Eztracker และสแกน Qr Code ข้างกล่องเพื่อเช็คว่าเป็นผลิตภัณฑ์หรือไม่
เช็คเลข อย.
เช็คเลขจดทะเบียนอย. ข้างกล่องที่เว็บไซต์ https://oryor.com/check-product-serial
มีเอกสารกำกับเครื่องมือเเพทย์
ในกล่องต้องมีเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ ซึ่งจะบอกส่วนประกอบของตัวยา คำแนะนำวิธีการฉีดและวิธีการเก็บรักษา
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับ Sculptra
ทุกคำถามที่คุณสงสัยเกี่ยวกับ
Sculptra Collagen Biostimulator
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวลึก เติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า เพิ่มความสว่างกระจ่างใส กำจัดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยยกกระชับใบหน้า
ฉีดครั้งละ 5 -10 cc ขึ้นกับปัญหาผิวและบริเวณที่ต้องการแก้ไข หากฉีดทั่วหน้าแนะนำให้ฉีดทั้งขวด ( 10 cc) ควรฉีดติดต่อกันอย่างน้อย 3 ครั้งห่างกัน 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีมาก
Sculptra แตกต่างจากฟิลเลอร์ ประเภทอื่นๆ ในหลายด้าน
กลไกการออกฤทธิ์ : ของ Sculptra มุ่งไปที่การรักษาต้นตอของการสูญเสียปริมาตรใบหน้า ซึ่งรวมถึงการสูญเสียกระดูก คอลลาเจน และไขมัน แทนที่จะเน้นเฉพาะบริเวณที่มีริ้วรอยและเส้นริ้ว ด้วยการส่งเสริมการเจริญเติบโตของคอลลาเจน Sculptra ช่วยในการฟื้นฟูปริมาณใบหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ส่วนประกอบ : ที่ออกฤทธิ์ของ Sculptra คือโพลี-แอล-แลคติกแอซิด ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นคอลลาเจน สารนี้กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นและดูดซึมได้เต็มที่เมื่อเวลาผ่านไป ในทางกลับกัน สารเติมเต็มผิวหนังประเภทอื่นๆ มักประกอบด้วยกรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งเป็นน้ำตาลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในร่างกาย
ระดับความลึก : Sculptra แตกต่างจากฟิลเลอร์อื่นๆ คือบริหารที่มากกว่าในชั้นหนังแท้ โดยเน้นเฉพาะบริเวณต่างๆ เช่น ร่องแก้มและร่องแก้ม ในขณะที่เติมปริมาณที่หายไปในแก้มด้วย
ระยะเวลาเห็นผล : เนื่องจากการผลิตคอลลาเจนจะค่อยๆ กระตุ้น ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนหลังฉีด อย่างไรก็ตาม ผลของ Sculptra สามารถคงอยู่ได้นานถึงสองปีหรือมากกว่า ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่าฟิลเลอร์อื่นๆ ส่วนใหญ่
วิธีการรักษา : ของ Sculptra นั้นคล้ายกับวิธีการฉีดฟิลเลอร์ผิวหนังอื่นๆ โดยจะใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมง ความสำเร็จของผลลัพธ์ที่ต้องการอาจจำเป็นต้องฉีดหลายครั้งโดยกระจายในช่วงหลายเดือน
ปริมาณของ Sculptra : ที่ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความหวั่นวิตกของแต่ละคน โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ขวดหนึ่งขวดต่ออายุการใช้งาน 10 ปีเพื่อเป็นแนวทางทั่วไป อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่แน่นอนอาจผันผวนระหว่างสองถึงหกขวด ในทางตรงกันข้าม สารเติมเต็มทางผิวหนังชนิดอื่นจำเป็นต้องใช้เข็มฉีดยา 2 เข็มต่อครั้ง
ความถี่ : ของการรักษาด้วย Sculptra มักเกี่ยวข้องกับเซสชั่นเริ่มต้น 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างระหว่าง 4 ถึง 8 สัปดาห์ โดยควรทำการบำรุงรักษาเป็นประจำทุกปีหรือทุก 2 ปี ในทางตรงกันข้าม สารเติมเต็มผิวหนังทางเลือกอาจจำเป็นต้องหยุดการรักษาเป็นระยะ 6 ถึง 12 เดือน
ผลข้างเคียง : เป็นที่ทราบกันดีว่า Sculptra ก่อให้เกิดผลข้างเคียงทั่วไป เช่น ความเจ็บปวด รอยแดง รอยช้ำ บวม และการก่อตัวของแกรนูโลมา ซึ่งเป็นก้อนเล็กๆ ใต้ผิวหนัง ผลข้างเคียงเหล่านี้เทียบได้กับที่พบในสารเติมเต็มผิวหนังประเภทอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
Sculptra และ Rejuran Healer
นี่คือความแตกต่างที่สำคัญระหว่างทั้งสอง:
ส่วนประกอบ: Sculptra ประกอบด้วยโพลีแล็คติกแอซิด (poly-L-lactic acid) ที่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง ในทางตรงกันข้าม Rejuran Healer ประกอบด้วยโพลีนิวคลีโอไทด์ (polynucleotides) ซึ่งเป็นเฟรกเมนต์ดีเอ็นเอที่ได้มาจากปลาแซลมอน โพลีนิวคลีโอไทด์เชื่อว่ามีผลฟื้นฟูบนผิวหนัง
วัตถุประสงค์: Sculptra ใช้สำหรับการฟื้นฟูปริมาณใบหน้าและริ้วรอย โดยแก้ไขการสูญเสียคอลลาเจนและการยุบตัวไขมันที่ใบหน้า ในทางตรงกันข้าม Rejuran Healer ใช้สำหรับการขจัดความเหี่ยวย่นและปรับปรุงสภาพผิว ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา
ความลึกของการฉีด: Sculptra ฉีดลึกลงในชั้นผิวหนังแทนที่จะเป็นการฉีดบริเวณพื้นผิวเพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและฟื้นฟูปริมาณใบหน้า ในทางตรงกันข้าม Rejuran Healer ฉีดในระดับผิวหนังส่วนนอกเพื่อให้โพลีนิวคลีโอไทด์ส่งผลตรงไปยังพื้นที่เป้าหมาย
ผลลัพธ์และระยะเวลาที่ยืดหยุ่น: ผลลัพธ์จาก Sculptra เป็นผลเริ่มแรกช้ากว่า อาจใช้เวลาหลายเดือนเพื่อเห็นผลเต็มที่เนื่องจากการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องค่อนข้างช้า ผลจาก Sculptra สามารถยืดหยุ่นได้นานถึงสองปีหรือนานกว่านั่น ทางตรงกันข้าม Rejuran Healer ผลลัพธ์จะเห็นได้เร็วกว่า ภายในไม่กี่สัปดาห์ ผลลัพธ์จาก Rejuran Healer อาจสัมพันธ์กับระยะเวลา 12 เดือน
กระบวนการรักษา: Sculptra และ Rejuran Healer ต้องการการรักษาหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด รักษา Sculptra โดยทั่วไปประกอบ 2 – 3 ครั้งห่างกันหลายสัปดาห์ ส่วน Rejuran Healer อาจต้องการการรักษาหลายครั้งขึ้นอยู่กับความต้องการของบุคคล
ผลข้างเคียง: ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของ Sculptra รวมถึงความเจ็บปวดที่จุดฉีด แดงขึ้น ฟกช้ำ บวม และอาจเกิดตุ่มระเบิด (granulomas) ถ้าคุณเลือกแพทย์ที่มีความชำนาญ สามารถลดลงความเสี่ยงนี้ได้มากเสการดูแลหลังการรักษาเช่นการใส่ถุงน้ำแข็งที่จุดรักษา นวดจุดฉีดหลายครั้งต่อวัน และหลีกเลี่ยงการถูกแดดอาจช่วยลดผลข้างเคียงได้
ผลลัพธ์หลังการฉีดจะอยู่ได้นานกว่า สารสังเคราะห์ Hyalyronic Acid ซึ่งอยู่ได้นานถึง 2 ปี เพราะตำแหน่งการวางตัวยานั้นสามารถวางในชั้นผิวที่ลึกขึ้น
Sculptra ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 และยังปราศจากส่วนผสมของมนุษย์และสัตว์ มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ
โดยองค์ประกอบได้รับการปรับให้เข้ากับร่างกายมนุษย์มากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง จึงไม่จำเป็นต้องมีการทดสอบการแพ้ก่อนการรักษา
- ผู้ที่มีประวัติการเกิดคีลอยด์หรือมีแผลเป็นนูน
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเกิดการอักเสบในตำแหน่งที่ทำ
- ในระหว่างตั้งครรภ์ ให้นมบุตร
- ล้างหน้า แต่งหน้าได้ หลังฉีด 3 ชั่วโมง
- ใน 24 ชั่วโมงแรก ให้ประคบเย็น เพื่อลดอาการปวด บวมช้ำ
- ใน 24 ชั่วโมงแรก งดออกกำลังกายหนักและงดออกแดดจัด
- ใน 5 วันแรก แนะนำให้นวดบริเวณที่ฉีด วันละ 5 ครั้ง ครั้งละ 5 นาที เพื่อให้ตัวยาค่อยๆ กระจายอย่างทั่วถึงต่อเนื่อง
- ใน 4 สัปดาห์แรกไม่ควรไปฉีดหรือทำหัตถการอื่นๆบริเวณใบหน้า