ฉีดรีจูรันกับชาแนลดีไหม? Rejuran กับ Belotero Revive เลือกอะไรดี?
ผิวกระจก (Glass Skin) เป็นผิวหน้าที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน นอกจากจะบ่งบอกถึงสุขภาพผิวที่ดูแลอย่างดีแล้ว ยังช่วยเสริมความมั่นใจ แต่งหน้าติดง่าย ลงสกินแคร์ก็เห็นผลดี
หากพูดถึงหัตถการที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส เรียบเนียน อิ่มน้ำ ได้แบบสุดๆ แล้ว ในนาทีนี้คงไม่พ้น Skin Booster ยอดฮิตอย่าง Rejuran กับ เมโสชาแนลและ Belotero Revive Filler
นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่จะช่วยเนรมิตรผิวหน้าให้เนียนกระชับ ขาวใส ฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลีพร้อมทั้งกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
สรุป
- รีจูรันกับเมโสชาแนลนิยมฉีดคู่กัน ชาแนลให้ผิวกระจ่างใส รีจูรันช่วยผิวแห้งกร้านเสียให้ฟูอิ่ม
- Belotero Revive ให้ผิวอิ่มน้ำ โกลว เล่นแสง อายุเยอะเห็นผลชัด ฉีด 1 ครั้ง อยู่ได้ 9 เดือน
- ฟิลเลอร์ Belotero Revive นิยมฉีดที่บริเวณหน้าแก้ม ส่วน Rejuran สามารถฉีดได้ทั้งหน้า
Rejuran, Chanel และ Belotero Revive คืออะไร?
หลายคนอาจสงสัยว่ารีจูรัน เมโสชาแนล และฟิลเลอร์ Belotero Revive Filler แตกต่างกันอย่างไร
เลือกตัวไหนจึงจะตอบโจทย์ปัญหาผิวเราที่สุด ตัวไหนฉีดคู่กันได้ วันนี้ Waleerat Clinic มีคำตอบ
Rejuran คืออะไร?
รีจูรัน เป็นตัวยา เมโสหน้าใส ที่นิยมมากในเกาหลี มีส่วนผสมหลักจาก PN (Polynucleotide) สกัดจาก DNA Salmon ที่เข้มข้นถึง 2% ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องการซ่อมแซมเซลล์
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ Fibroblast อีกทั้งตัวยารีจูรันยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กระจ่างใส อุ้มน้ำ กระชับรูขุมขน และแก้ไขปัญหาเรื่องหลุมสิวอย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุด Rejuran ได้ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นหนึ่งในเทรนด์สร้างผิวสวยที่กำลังมาแรงที่สุดในขณะนี้
ในการฉีดรีจูรัน แนะนำให้ฉีดทุก 1 เดือน ติดต่อกัน 3 ครั้ง หลังจากนั้นจึงเว้นระยะเป็นฉีดทุก 3-6 เดือนเพื่อคงผลลัพธ์ของสุขภาพผิวดีให้ยาวนานยิ่งขึ้นและได้ผลเรื่องรูขุมขนดีกว่าเดิม
Chanel คืออะไร?
เมโสชาแนล คือ ตัวยา Premium Skin Booster กลุ่มเมโสหน้าใสชนิดหนึ่ง โดยชื่อชาแนล เกิดจากการนำชื่อ Luxury Brand มาใช้เพื่อชูความพรีเมี่ยมของตัวยานี้
ตัวยาชาแนลที่แต่ละคลินิกใช้นั้นแตกต่างกัน ซึ่งยี่ห้อยอดนิยมจะมีอยู่สองแบรนด์ ได้แก่
- Filorga NCTF
- L’bess (หรือที่เรียกว่าชาแนล Gen 2)
การฉีดชาแนลเป็นโปรแกรมฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน ช่วยให้ผิวที่เสื่อมสภาพกลับมาเปล่งปลั่ง กระจ่างใสได้อย่างรวดเร็ว ด้วยส่วนผสมหลักอย่าง Pink Yeast, เปปไทด์ และ Hyaluronic Acid
แต่ผลลัพธ์ของเมโสอาจจะอยู่ได้ไม่นานนัก ควรมีการกลับมาฉีดซ้ำเรื่อยๆ เพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานมากขึ้น
Belotero Revive filler คืออะไร?
Belotero Revive Filler คือ ฟิลเลอร์เนื้ออ่อน ที่มีเนื้อเนียนละเอียดเป็นพิเศษ ทำให้สามารถแทรกซึมผ่านชั้นผิวได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆ ผลิตมาเพื่อใช้กับผิวหน้าโดยเฉพาะจุดเด่นของฟิลเลอร์รุ่นนี้
คือฟื้นฟูและบำรุงผิวให้ฉ่ำฟู ด้วยสารเติมน้ำสำคัญอย่าง Cross-Linked Hyaluronic Acid 20mg/ml ไฮยาลูรอนที่มีการเชื่อมพันธะ
โดยปกติแล้วสารไฮยาลูรอนหากไม่มีการเชื่อมพันธะ จะถูกเอนไซม์ในร่างกายกำจัดออกไปได้ง่าย ดังนั้นสาร Cross-Linked Hyaluronic Acid ในฟิลเลอร์ตัวนี้
ทำให้ผลลัพธ์ในการเติมน้ำให้ผิวอยู่ได้ยาวนาน ถึง 9 เดือน และอีกสารสำคัญอย่าง Glycerol ตัวช่วยอุ้มน้ำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้น เรียกว่าล็อคผิวอิ่มแบบคูณสอง
Belotero Revive ช่วยให้ผิวเนียนละเอียด รูขุมขนแน่นกระชับ สุขภาพผิวดูดีขึ้นแบบ Glass Skin ฉ่ำน้ำ อิ่ม โกลว เล่นแสง และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
ในการฉีด Belotero Revive จะอาศัยการฉีดเพียง 2-3 CC ต่อหนึ่งครั้ง ให้ผลลัพธ์ผิวที่ยาวนานถึง 9 เดือน แต่หากมีปัญหาผิวกร้านแห้งอย่างรุนแรง สามารถฉีดซ้ำได้
แนะนำให้ทำการฉีดฟิลเลอร์ Revive ควบคู่ไปกับการทำหัตถการเลเซอร์ เพื่อให้ผิวได้รับการซ่อมแซมอย่างรวดเร็วและช่วยเสริมการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังควบคู่กันไป
ฉีดรีจูรันคู่กับชาแนล ดีจริงไหม?
จับคู่ตัวยาอย่างรีจูรัน และชาแนลเข้าด้วยกัน การฉีดทั้งสองตัวควบคู่กันนั้นสามารถทำได้ แถมยังก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ช่วยส่งเสริมกันได้อย่างดีด้วย
ซึ่งการฉีดชาแนลเหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวอย่างรวดเร็ว ให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้น ในขณะที่ฉีดรีจูรันจะช่วยในเรื่องผิวแห้งกร้าน มีรอยแดงและรูขุมขุนกว้าง
ที่สำคัญในระยะยาวยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้ นอกจากนี้ ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือตัวยา Rejuran เองนั้นค่อนข้างหนืด
ทำให้เมื่อเดินยาลงในชั้นผิวจะเจ็บแสบพอสมควร การผสมกับตัวชาแนลจะช่วยให้ลดความหนืดลงได้ ทำได้เดินยาได้ดีขึ้น คนไข้เจ็บน้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม
ฉีด Rejuran หรือ ฟิลเลอร์ Belotero Revive ดี?
Rejuran และ Belotero Revive มีคุณสมบัติ ในเรื่องการบำรุงผิวให้ฉ่ำวาวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วมีการทำงานและสารสำคัญต่างกัน
ในแง่ความชุ่มชื้นแล้ว ฟิลเลอร์ Belotero Revive จะทำได้ในอัตราที่สูงกว่า เนื่องจากมีส่วนประกอบของ Hyarulonic Acid และ Glycerol ที่ช่วยเรื่องการเติมน้ำและอุ้มน้ำแบบเน้นๆ
ในขณะที่ Rejuran จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและไฟโบรบลาสต์ เน้นช่วยในเรื่องการซ่อมผิว สร้างผิวเรียบเนียน กู้ผิวพัง แดง อักเสบ ทั้งนี้ ทั้งคู่จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาวได้ดีพอๆ กัน
Belotero Revive กับ Rejuran แนะนำให้ฉีดควบคู่กันสองตัวได้เลย เนื่องจากรีจูรันจะฉีดกระจายทั่วๆ หน้า แต่ Belotero Revive จะเน้นฉีดบริเวณหน้าแก้ม
ฉีดคู่กันผลลัพธ์ยิ่งชัดเจน กู้ผิวเสียพร้อมเติมน้ำให้ผิวอิ่ม แนะนำให้เลือกฉีดตามปัญหาผิวที่ตัวเองอยากแก้มากที่สุดก่อนดีกว่า อยากซ่อมแซมเซลล์ไปรีจูรันก่อน แล้วค่อยตามมาเติมน้ำแบบจัดเต็มด้วย Revive ก็ได้เหมือนกัน
ฉีด Rejuran ร่วมกับ Belotero Revive ให้ผลลัพธ์ยังไง?
การฉีด Rejuran กับ Belotero Revive ร่วมกันสามารถทำได้และมีผลลัพธ์ที่ส่งเสริมกันได้ดีมากๆ ทั้งในเรื่องความฉ่ำของผิวและการฟื้นฟูคอลลาเจน ฟื้นฟูเซลล์ผิวในระยะยาว
สามารถหวังผลในเรื่องความอิ่มน้ำ ผิวเล่นแสง รูขุมขนที่กระชับแน่นขึ้น ผิวแลดูเรียบเนียนได้ระยะเวลาที่รีจูรันและ Revive ออกฤทธิ์กับผิวอยู่ได้นานไม่เท่ากัน
ซึ่งสามารถฉีดพร้อมกันได้ โดย Revive ฉีดแล้วอยู่ได้ยาวๆ เลยถึง 9 เดือน ในระหว่างนั้นสามารถเติมผิวด้วย Rejuran เพื่อคงผลลัพธ์ผิวได้ทุก 1-2 เดือน
ฉีด Rejuran, Chanel และ Belotero Revive แต่ละอย่างราคาเท่าไหร่บ้าง?
ในการฉีดรีจูนรัน (Rejuran), เมโสชาแนล (Chanel), และ Belotero Revive จะมีอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันดังต่อไปนี้
- ฉีด Rejuran ราคา 15,000 บาท/2cc
- ฉีดเมโสชาแนล (L’ebss Chanel) ราคา 4,999 บาท/1cc
- ฉีด Belotero Revive ราคา สอบถามราคากับทางคลินิก