รวมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ (Dermal Filler) ฉบับอัพเดต 2024
ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการรักษาทางด้านความงาม โดยฉีดเพื่อลดริ้วรอย แก้ไขปัญหาบนใบหน้า ร่องแก้มรวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ผิวหน้าเรียบ อิ่มฟู เต่งตึงขึ้นหรือฉีดปากเพื่อให้อวบอิ่มขึ้น
วิธีการคงความอ่อนกว่าวัยบนใบหน้าเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อครีมบำรุงที่มีราคาแพง หรือพึ่งพาวิทยาการทางการแพทย์ทั้งหลาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการฉีดสารเติมเต็มหรือที่เรียกว่าฟิลเลอร์
บทความนี้จะมาอธิบายและเจาะลึกทุกเรื่องของฟิลเลอร์ ว่าคืออะไร ทำให้หน้าเด็กจริงหรือไม่ และมีอันตรายไหมรวมถึงวิธีการเช็คฟิลเลอร์ว่าของแท้หรือไม่ มาติดตามกัน
สรุป
- การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นการนำสารเติมเต็มเข้าไปเติมใต้ผิว เพื่อลดริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้าให้ใบหน้าของเราดูอ่อนเยาว์ ซึ่งเราสามารถทำได้หลายจุดไม่ว่าจะเป็น ใต้ดวงตา ร่องแก้ม ขมับ เป็นต้น
- ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารที่คงคุณภาพใกล้เคียงกับสารไฮยาลูรานิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ตามธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายมากที่สุด
- ฟิลเลอร์จะทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน เต่งตึง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงบวกกับคุณสมบัติอุ้มน้ำของฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มความ ชึ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มฟู เปล่งปลั่ง
เลือกหัวข้อที่สนใจ
ฟิลเลอร์ คืออะไร?
ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็มผิวที่สังเคราะห์มาจากไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือเราสามารถเรียกสั้นๆ ว่า HA เมื่อฉีดเข้าไปเติมเต็มใต้ผิวหนัง
ฟิลเลอร์จะเข้าไปทดแทนคอลลาเจนและไฮยาลูรอนที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น จึงช่วยในการแก้ปัญหาผิว ทั้งการลดเลือนริ้วรอย รวมไปถึงร่องลึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้า
สารไฮยาลูโรนิกแอซิด มีจุดเด่นคือเป็นสารที่มีความคงตัวสูง ลดความเสี่ยงในเรื่องของการแพ้ และไม่เป็นอันตราย อีกทั้งยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่
การฉีด Filler ที่ Waleerat Clinic นั้นจะมี ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 17,999 บาท โดยขึ้นอยู่
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้
และในส่วนนี้สามารถเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ เพื่อให้แพทย์ประเมิน และพิจารณาค่าใช้จ่ายก่อนได้แต่ว่าทางคลินิกยังให้ราคาโปรโมชั่นให้กับลูกค้าคนพิเศษทั้งนี้
ควรสอบถามเพิ่มเติมก่อนว่าในแต่ละช่วงมีโปรโมชันมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แต่ว่าทางคลินิกยังให้ราคาโปรโมชั่นให้กับลูกค้าคนพิเศษ
ฟิลเลอร์ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
ฟิลเลอร์คือ สารเติมผิวไฮยาลูโรนิกแอซิด โดยสารตัวดังกล่าวนอกจากนิยมนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้ว ยังสามารถนำมาฉีดเพื่อเติมเต็มโครงสร้างใต้ชั้นผิวได้อีกด้วย
สารตัวนี้มีคุณสมบัติที่ช่วยกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้น จึงสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้ชั้นใต้ผิวหนังของเราได้เช่นกัน จึงทำให้ผิวของเราดูอ่อนกว่าวัย เรียบเนียน
และทำให้ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้น นอกจากนี้ฟิลเลอร์ยังนิยมนำมาใช้เพื่อแก้ไขและปรับรูปหน้า อย่างการปรับรูปคาง ช่วยทำให้ริมฝีปากกระจับ
หรือได้รูปทรงตามที่ต้องการ โดยฟิลเลอร์มีคุณสมบัติอื่นๆ ดังต่อไปนี้
- เติมเต็มร่องลึก ด้วยการเสริมชั้นผิวหนังใต้ชั้นผิวทำให้ผิวดูเต่งตึง
- ชะลอการเกิดริ้วรอย และลดริ้วรอยที่ปรากฎบนใบหน้า
- ปรับรูปหน้า คาง และริมฝีปากให้ได้รูปตามต้องการและดูมีมิติมากขึ้น
- เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวหน้า
- ช่วยให้ใบหน้าแลดูอ่อนกว่าวัย
เนื้อฟิลเลอร์มีกี่แบบ
เนื้อฟิลเลอร์จะมีลักษณะแตกต่างกันไป เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อมีการผลิตไม่เหมือนกัน โดยเนื้อฟิลเลอร์จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
- ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง จะมีลักษณะเนื้อเจลเป็นก้อนมากกว่าฟิลเลอร์เนื้อชนิดอื่นๆ เมื่อบีบออกมาแล้วสามารถเห็นเป็นเส้น ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความคงตัวได้ดีใช้ยกผิวในชั้นกระดูกได้ ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เช่น Juvederm Voluma, Restylane Perlane Lift, Belotero Volume และ Perfectha Subskiท
- ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม จะมีลักษณะเป็นเนื้อเจลคล้ายเยลลี่ เนื้อนุ่ม ไม่เป็นก้อน เนื้อไม่เหลวและไม่เป็นน้ำเหมือนฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ฟิลเลอร์เนื้อนิ่มเหมาะสำหรับฉีดในชั้นไขมัน ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เช่น Juvederm Ultra Plus, Restylane classic, Belotero Balance
- ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด จะมีลักษณะเป็นเนื้อเจล มีความบางเบาคล้ายน้ำ เนื้อเหลวมากกว่าฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม เหมาะสำหรับฉีดในผิวชั้นตื้น ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์เนื้อละเอียด เช่น ฟิลเลอร์ Juverderm Volite, Restylane Vital Light, Belotero soft
ฟิลเลอร์มีกี่แบบ
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรศึกษาให้ละเอียดเพื่อที่จะที่จะรู้ว่าฟิลเลอร์แบบไหนเหมาะกับเราเพื่อผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์กับปัญหา ในปัจจุบัน มีอยู่ 3 แบบ ดังนี้
- Temporary Filler (แบบชั่วคราว) คือฟิลเลอร์ ที่สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ มีความปลอดภัยสูง ซึ่งสามารถอยู่ได้ 6-12 เดือน
- Semi Permanent Filler (แบบกึ่งถาวร) คือ ฟิลเลอร์ที่ไม่สลายหมด 100% และมีความปลอดภัยน้อยกว่าแบบชั่วคราว อยู่ได้ 2-3 ปี
Permanent Filler (แบบถาวร) คือฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ จะอยู่แบบถาวรเมื่อนานไปจะไหลรวมกันเป็นก้อน เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน ซึ่งไม่ผ่าน อย.
ฟิลเลอร์ฉีดที่ส่วนไหนได้บ้าง?
นอกจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาที่ได้รับความนิยมที่สุดแล้ว ฟิลเลอร์ยังสามารถฉีดได้หลายบริเวณ โดยตามส่วนต่างๆ ของใบหน้า ดังนี้
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก จะช่วยแก้ปัญหาหน้าผากแบน หน้าผากยุบ มีร่องลึกหรือรอยบุ๋มที่หน้าผากให้นูนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยย่นที่เกิดจากอายุเพิ่มขึ้น
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc หรือมากกว่าตามปัญหาของแต่ละบุคคล
หลังจากฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอาจมีอาการบวมได้เป็นปกติแต่จะหายใน 7-14 วันและสามารถอยู่ได้นาน 12 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นที่เลือก
การฉีดฟิลเลอร์ขมับ จะช่วยปรับใบหน้าโดยรวมให้สมดุล ได้สัดส่วนมากขึ้น ช่วยเติมเต็มบริเวณ ขมับตอบ ขมับลึก โดยไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ฟิลเลอร์ขมับยังช่วยเรื่องริ้วรอยหางตา
ให้เต่งตึงขึ้น สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ขมับ จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hvaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc ตามปัญหาของแต่ละบุคคลโดยจะอยู่ได้ 12-18 เดือน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ตาลึก ตาโหล ถุงใต้ตาและขอบตาคล้ำ ให้กับมาสดใส ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น เต่งตึงขึ้นรวมไปถึงแก้ไขการยุบตัวของกระดูกได้อีกด้วย
สำหรับการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc ก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละบุคคลด้วย
ก่อนเข้ารับการฉีดควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อซึ่งจะน้อยกว่าการฉีดไหม Pailin เพราะฉีดไหมอยู่ได้ถึง 2 ปี
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยแก้ปัญหาการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตาและการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มที่เกิดจากอายุเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
รวมถึงการแก้ปัญหาผิวแห้งโดยจะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 2 cc หรือมากกว่าขึ้นอยู่กับปัญหาบุคคลโดยจะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่เลือก
สำหรับผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ โดยที่บริเวณแก้มนั้นยุบลงไป ทำให้ใบหน้าดูซูบผอม ไม่มีความอวบอิ่ม ดูโทรมและไม่สดใส ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ช่วยให้แก้มดูอวบอิ่มขึ้นมาได้
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สวยด้วย แถมปลอดภัยโดยปัญหาแก้มตอบมักจะใช้ฟิลเลอร์ปริมาณ 1-2 CC ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยที่ริมฝีปาก ริมฝีปากบาง ขอบปากคล้ำ ปากแห้ง ตกร่อง มุมปากตก ฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มร่องปากให้ดูชุ่มชื้น อวบอิ่ม ไม่แห้งและตกร่อง
โดยฟิลเลอร์สามารถปรับขนาดโครงสร้างปากให้เป็นรูปทรงสวยงามตามต้องการได้สำหรับปากจะใช้สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid ประมาณ 1-2 cc
ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคลหลังฉีดจะเห็นผลทันทีและสามารถอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่นที่เลือกและการดูแลตัวเองหลังฉีด
การฉีดฟิลเลอร์คาง จะช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางเบี้ยว คางไม่เท่ากัน คางตัด เป็นต้น รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์คางจะช่วยปรับรูปหน้า ให้ดูสมมาตรขึ้น ได้สัดส่วนมากขึ้น ดูเรียวสวย
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์คาง จะใช้สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ประมาณ 1 cc หรือมากกว่า ตามปัญหาของแต่ละบุคคล หลังฉีดฟิลเลอร์คาง
สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน โดยฟิลเลอร์คางอยู่ได้แค่ 1-2 ปี ต่อการฉีด 1 ครั้ง หากไม่มีการมาเติมฟิลเลอร์เนื้อฟิลเลอร์ก็จะสลายไปเองตามธรรมชาติ
สาเหตุที่ทำให้ฟิลเลอร์ไหล
ฟิลเลอร์ไหลเกิดจาก การฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่จะเป็นฟิลเลอร์ประเภทที่ให้ผลลัพธ์ถาวร เมื่อถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย พอนานไปไม่สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ
จึงทำให้ฟิลเลอร์ไหลย้อยลง โดยสารที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้ได้แก่ ซิลิโคนเหลว หรือ น้ำมันพาราฟิน เมื่อฉีดไปแล้วทำให้เกิดการเป็นก้อน สารเหล่านี้จึงถูกเรียกว่าฟิลเลอร์ปลอม
เลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี
การเลือกฟิลเลอร์ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไปควรเลือกฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. สำหรับฟิลเลอร์ที่ได้รับมาตรฐานตามอย.ไทย มีดังนี้
Juvederm
Juvederm เป็นฟิลเลอร์นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีคุณภาพและถูกการันตีถึงประสิทธิภาพในการใช้งานมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันมีทั้งหมด 6 รุ่นด้วยกัน ดังนี้
ฟิลเลอร์รุ่นนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีไฮยารูลอนิกแอซิดที่เข้มข้นมากที่สุด สามารถฉีดได้ทุกจุดของใบหน้า ยกเว้นใต้ตา และริมฝีปาก โดยฟิลเลอร์ตัวนี้สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีเลยทีเดียว
ฟิลเลอร์รุ่นนี้นิยมใช้เติมเต็มบริเวณริมฝีปาก เพื่อให้มีฝีปากที่สวยได้รูป โดยอยู่ได้นานถึง 18 เดือน และให้การเติมเต็มที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติเพราะมีความเข้มข้นของไฮยารูลอนิกในปริมาณที่พอเหมาะ
ฟิลเลอร์รุ่นนี้นิยมนำมาใช้ในการแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ และใต้ตาลึก รวมถึงช่วยเติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม โดยสามารถคงสภาพได้ยาวนานถึง 15 เดือน
ฟิลเลอร์รุ่นนี้ช่วยในการปรับผิวให้ดูอิ่มน้ำ และมีความกระชับ และมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ช่วยแก้ปัญหาหลุมสิว สามารถอยู่ได้นาน 9-12 เดือน
เป็นฟิลเลอร์ที่อยู่ได้ยาวนาน 1 ปี เหมาะสำหรับคนที่มีริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ เพราะมีไฮยารูลอนิกแอซิดค่อนข้างสูง แต่อยู่ได้สั้นกว่าแบบอื่น
เป็นฟิลเลอร์ที่มีความแน่น คงตัว และไม่ไหล เหมาะสำหรับการนำมาใช้ปรับรูปหน้าให้สวยมีมิติ โดยมักฉีดในปริเวณที่ต้องการความฟูมากเป็นพิเศษ อย่างบริเวณขมับ และร่องแก้ม สามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน
Restylane
เป็นฟิลเลอร์ที่เราต้องเลือกให้ดีเพราะมีของปลอมอยู่เยอะมาก โดยในปัจจุบันฟิลเลอร์ของ Restylane มีทั้งหมด 8 รุ่นซึ่งแก้ปัญหาไม่เหมือนกัน มีรายละเอียดดังนี้
ฟิลเลอร์รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีไฮยารูลอนิกแอซิด 20 มิลลิกรัม เหมาะกับการแก้ปัญหารอยยับเล็กๆ อย่างรอยรอบดวงตา ซึ่งอยู่ได้นาน 12-15 เดือน
เป็นฟิลเลอร์ที่ช่วยเพิ่มมิติของใบหน้า ช่วยในการยกกระชับ เติมเต็มแก้มส้ม ร่องแก้ม สามารถอยู่ได้นาน 12-15 เดือน
ฟิลเลอร์รุ่นนี้นิยมนำมารักษาบริเวณ Midface รวมถึงเติมเต็มบริเวณแก้มส้ม ร่องน้ำหมาก อยู่ได้นาน 12-15 เดือนเช่นกัน
เป็นฟิลเลอร์ที่มีแรงยกกระชับมากที่สุดในประเทศไทย นิยมนำมาเติมเต็มบริเวณขมับ และตามตำแหน่งคาง และร่องแก้ม สามารถอยู่ได้นาน 12-15 เดือน
ฟิลเลอร์ตัวนี้จะช่วยในการเติมเต็มแก้มตอบและ ร่องแก้ม สามารถอยู่ได้นาน 12-15 เดือน
ฟิลเลอร์ตัวนี้ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า แก้ปัญหาริ้วรอยได้ดี ช่วยให้ผิวดูฉ่ำวาว อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
ฟิลเลอร์รุ่นนี้มีปริมาณไฮยารูลอนิกแอซิดน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับทุกรุ่นรุ่นอื่นๆ โดยใช้ในการแก้ปัญหาหลุมสิว รอยใต้ตาคล้ำ รวมถึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า โดยสามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน
Belotero
Belotero เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ที่มาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีราคาไม่แพงมากนัก
จุดเด่นอยู่ที่แต่ละรุ่นสามารถสังเกตได้จากสีกล่อง หลายที่จะนิยมเรียกแบรนด์นี้ว่า Colorful Filler ค่ะ โดยมีให้เลือกใช้ถึง 5 รุ่น ดังนี้
กล่องสีเหลือง เป็นฟิลเลอร์ ที่มีคุณสมบัติเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าดูใส มีน้ำมีนวล อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว ลดรอยคล้ำใต้ตา และลดริ้วรอยเล็กๆ ได้เป็นอย่างดี
กล่องสีส้ม เป็นฟิลเลอร์กล่องสีส้มที่นิยมนำมาใช้ในบริเวณใต้ตา ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว ทำให้ริมฝีปากมีขอบที่เด่นชัด และยังแก้ไขบริเวณหน้าผาก รวมถึงลดหลุมสิวได้อีกด้วย
กล่องสีชมพู เป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง นิยมนำมาใช้ในบริเวณขมับ และริมฝีปาก รวมถึงช่วยลดริ้วรอยทำให้หน้าดูเด็ก
กล่องสีม่วง เป็นฟิลเลอร์ที่สามารถคงตัวได้สูง จึงนิยมมาเติมคาง ขมับ และเพิ่มมิติให้กับใบหน้า
กล่องสีเขียว ฟิลเลอร์งานผิวรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ผสมผสานสารเติมเต็มอย่าง ไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) และ กลีเซอรอล (Glycerol) ที่ช่วยให้ผิวดูดีขึ้น 4 มิติ เสกให้ผิวเป็นผิวกระจก (Glass Skin)
Definisse
Definisse เป็นฟิลเลอร์ที่มาจากประเทศอิตาลี เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่เหมาะกับการแก้ปัญหาริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าไม่สมดุล
ด้วยเทคโนโลยี ใช้เทคโนโลยี XTR™ Technology (eXcellent Three-Dimensional Reticulation) ทำให้ HA เป็นร่างแห สามารถยกกระชับได้ทั่วบริเวณที่ฉีด มีด้วยกัน 2 รุ่น ดังนี้
- Definisse Core เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง จึงเหมาะที่จะใช้สำหรับการเสริมกระดูก ปรับรูปหน้า สามารถอยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- Definisse Restore ฟิลเลอร์รุ่นมีลักษณะเนื้อที่นิ่มกว่า จึงเหมาะที่จะใช้ในการเติมร่อง และช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องริ้วรอย รวมถึงปัญหาผิวหย่อนคล้อย อยู่ได้นาน 12 เดือน
YVOIRE
ฟิลเลอร์ที่กำลังมาใหม่ในตลาดเสริมความงาม จากประเทศเกาหลี ที่มีคุณภาพเทียบเท่าแบรนด์จากยุโรปเลยทีเดียว
เพราะผ่านการรับรองมาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงสหภาพยุโรป (Europe EDQM2 certified & US FDA DMF) และอย. ที่ไทยด้วย จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย
สำหรับฟิลเลอร์ YVOIRE เป็นฟิลเลอร์มีโมเลกุลใหญ่ จึงเหมาะกับการเติมเต็มชั้นผิวในชั้นลึกๆ อย่างขมับ ร่องแก้ม และคาง เพราะ ไม่ทำให้ผิวเป็นก้อน
รีวิวการฉีดฟิลเลอร์
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ด้านล่างเป็นเคสที่ทำกับทาง Waleerat Clinic ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
การฉีด FILLER เหมาะกับใคร
มาถึงการฉีดฟิลเลอร์นั้นเหมาะกับใครบ้าง และใครบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์ ดังนี้
Filler
เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์การลดเลือนริ้วรอยอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องในการพักฟื้น
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย หรือต้องการแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาผิว และต้องการเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวดูกระชับขึ้น
- ผู้ที่มีหลุมสิว และมีรูขุมขนบนใบหน้า
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด ศัลยกรรมต่างๆ
Filler
ไม่เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีอาการเเพ้สารไฮยาลูโรนิกแอซิดหรือส่วนผสมอื่นๆ ในฟิลเลอร์
- ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลคีลอยด์ง่าย หรือเกิดแผลเป็นง่าย
- ผู้ป่วยเริม และงูสวัด
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบ มีผื่น หรือลมพิษ
ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์
สำหรับการฉีด Filler ในปัจจุบันมีหลายคนให้ความสนใจ แต่ไม่ทราบว่าข้อดี-ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์มีอะไรบ้าง
เพื่อช่วยทุกคนในการพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียที่เกิดขึ้น ดังนี้
ข้อดีของฟิลเลอร์
- การฉีดฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเป็นไปตามที่ผู้ใช้บริการต้องการ
- เติมเต็มโดยไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น
- ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ และไม่มีสารตกค้าง สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
- สามารถเพิ่ม-สลายออกได้ตามความต้องการ
- มีความปลอดภัย หากเป็นยี่ห้อที่มีอย.รองรับ
ข้อเสียของฟิลเลอร์
- ราคาค่อนข้างสูง
- ของปลอมค่อนข้างเยอะ
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร สลายตามอายุการใช้งาน
- อาจเกิดภาวะฟกช้ำได้เนื่องจากเข็มผ่านเส้นเลือด
- อาจมีรอยแดงจากเข็ม แต่สามารถหายได้เองอาจเกิดอาการแพ้หรือติดเชื้อในบุคคลที่แพ้สารในฟิลเลอร์
ก่อน - หลังการฉีดฟิลเลอร์ดูแลตนเองอย่างไร
การเตรียมตัวก่อนฉีด และการปฏิบัติตัวหลังฉีดต้องทำอย่างไรบ้าง? มาดูกัน
ก่อนการฉีดฟิลเลอร์
ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
- งดทานวิตามินอี น้ำมันปลา คอลลาเจน สารสกัดแปะก๊วย (กิงโกะ) ยาลดการแข็งตัวของเลือด และยาแก้ปวดบางชนิด เช่น แอสไพรินรวมถึงยาที่ทำให้เลือดหยุดยาก
- หากกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระยะที่ให้นมบุตรควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีด
- งดโกนหรือดึงขนบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- งดนวดเลเซอร์และนวดผิวหน้า 3 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 วันก่อนฉีด
สำหรับขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาก่อนแก้ไข โดยการวิเคราะห์ใบหน้าและทิศทางการฉีดฟิลเลอร์
รวมถึงให้คำแนะนำจุดที่จะฉีด จากนั้นจึงทำการฉีด โดยเริ่มจากทำความสะอาดใบหน้าและเริ่มปฎิบัติการ โดยเราสามารถขอยาชาเพิ่มเติมได้
หากรู้สึกกลัวหรือเจ็บ สุดท้ายแพทย์จะนัดดูผลลัพธ์อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์เป็นไปตามที่ต้องการ
หลังการฉีดฟิลเลอร์ ดูแลตัวเองยังไง
- งดการแตะ แกะ และเกาจุดที่ฉีดฟิลเลอร์
- หลังทำเสร็จควรกินยาฆ่าเชื้อทันที รวมถึงยาแก้ปวด และยาลดบวม
- หลีกเลี่ยงความร้อนอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ทั้งซาวน่า ตากแดดและงดแอลกอฮอลล์
- งดเลเซอร์หลังทำ 1 เดือน
- อย่าขยับจุดที่ทำในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
ทำไมต้องฉีดที่วลีรัตน์คลินิก
ที่ Waleerat Clinic มีแพทย์ที่มากประสบการณ์ในระดับเอเชีย และสามารถตรวจสอบได้ว่าฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อเป็นของแท้ นอกจากนี้ยังได้รับความวางใจในการดูแลความสวยงาม
ใบหน้าของลูกค้ามากมายการันตีได้จากผู้ใช้บริการหลายท่าน รวมถึงมีรีวิวถึงความสำเร็จในการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นบุคคลใหม่ที่สดใสขึ้น และมีพึงพอใจที่จะกลับมาทำซ้ำ
คำถามที่พบบ่อย
ฟิลเลอร์ถ้าสลายหมดไม่ทำให้หน้าเหี่ยวขึ้นหรือกลับมาหย่อนเหมือนเดิมในทางกลับกันยังช่วยชะลอวัย ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น เพราะมีน้ำหล่อเลี้ยงมากขึ้น
สามารถฉีดซ้ำได้เรื่อยๆหากต้องการให้ผลลัพธ์ดีขึ้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสม โดยไม่มีผลข้างเคียง
สามารถเปลี่ยนยี่ห้อได้เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อคุณสมบัติไม่เหมือนกันแนะนำให้ฉีดซ้ำหลังจากฟิลเลอร์เก่าสลายหมด
สามารถทำได้หากพบอาการบวม มีก้อนแข็ง และผิวไม่เรียบเนียนก็สามารถฉีดสลายได้ โดยสามารถฉีดสลายได้ 100%
แต่ละจุดใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด โดยต้องให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาปริมาณในการใช้ฟิลเลอร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ
สามารถเช็กได้จากเลขทะเบียนอย. ที่กล่อง เอกสารกำกับภาษาไทย และเลข lot ที่กล่อง ซอง และสติกเกอร์หรือหลอดว่าตรงกันไหม
รวมถึงสามารถโทรเช็กกับบริษัทที่นำเข้าได้ด้วยหากพบว่ากล่องถูกแกะหรือฉีกขาดไม่แนะนำให้ใช้เพื่อความปลอดภัย
การฉีดไขมัน และฉีดฟิลเลอร์มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน โดยต้องพิจารณาจากปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ต้องการ