- แก้มส้มคืออะไร อยู่ส่วนไหนของใบหน้า
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม เหมาะกับใคร
- เติมแก้มส้ม ด้วยฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มที่บริเวณใดบ้าง
- ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม อยู่ได้นานกี่เดือน
- ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มกี่ CC
- ฟิลเลอร์แก้มส้มยี่ห้อไหนดี
- ฟิลเลอร์แก้มส้ม อันตรายไหม
- ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปจากการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
- การปฏิบัติตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
- การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
ฟิลเลอร์แก้มส้ม บูสหน้าเด็ก ได้จริงไหม อยู่ได้นานเท่าไหร่?
‘อายุ’ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวที่ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนและอิลาสตินที่อยู่ในชั้นผิวจะค่อยๆ เสื่อมลง
ซึ่งเมื่อบวกกับการกระตุ้นจากปัจจัยอื่น ไม่ว่าแสงแดด มลภาวะทางอากาศ ความเครียด พักผ่อนน้อย หรือพฤติกรรมส่วนตัวที่ส่งผลเสียต่อผิว อย่างการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ทำให้หลายคนเจอกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าที่คิด ส่งผลให้หน้าโทรม แก้มตอบ แก้มห้อย ริ้วรอยร่องแก้ม และดูแก่กว่าอายุจริง
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางคนจะรู้สึกเป็นกังวลและไม่มั่นใจเวลาแต่งหน้า เพราะปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่สามารถปกปิดได้ด้วยเครื่องสำอางเหมือนปัญหาสิวและจุดด่างดำ
อย่างไรก็ตามปัญหานี้สามารถแก้ไขได้หลายวิธี แต่หนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนหน้าโทรม แก้มตอบ ให้กับมาเต่งตึง อวบอิ่ม และดูเด็กลง โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดคือ การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
แก้มส้มคืออะไร อยู่ส่วนไหนของใบหน้า
‘แก้มส้ม’ หรือ Midface คือ พื้นที่บริเวณใต้ตาถึงปลายจมูกและโหนกแก้มกับจมูก และเหตุผลที่ถูกเรียกว่าแก้มส้มนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับสีผิว แต่มาจากลักษณะของบริเวณแก้มส้มที่มีความโค้งนูนคล้ายกับลูกส้ม
โดยแก้มส้มที่มีความสมดุล เมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นมีลักษณะเห็นเป็นรูปตัวเอสหรือ S Curve เรียกว่า O-gee curve ใบหน้าดูอิ่มเอิบและมีมิติ แต่ในทางตรงกันข้ามหากลักษณะแก้มส้มไม่เป็นรูป S Curve
ซึ่งเกิดจากปัญหาผิวหย่อนคล้อย ทำให้รูปหน้าไม่ได้สัดส่วน ดูโทรม แก้มตอบ และดูแก่เกินวัย ต้องแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ใบหน้าจึงจะกลับมาเต่งตึงอีกครั้ง
ฟิลเลอร์แก้มส้ม เหมาะกับใคร
โดยรวมแล้วถึงแม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ที่ใบหน้าจะช่วยลดริ้วรอยและกระชับผิวหย่อนคล้อย แต่ความจริงแล้วยังสามารถใช้ฟิลเลอร์ในการแก้ปัญหาเฉพาะจุดได้อีกด้วย
การฉีดฟิดเลอร์บริเวณใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาให้กับคนที่มีปัญหารอยดำใต้ตา ร่องใต้ลึก หรือถุงใต้ตาให้กลับมาเรียบตึง ในขณะที่การฉีดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปากจะช่วยเสริมให้ปากดูอวบอิ่ม ยกมุมปากให้สวยได้รูปตามที่ต้องการ ดังนั้นการฉีดแก้มส้มจึงแก้ปัญหาบริเวณแก้มส้มหรือช่วงพวงแก้มโดยเฉพาะ ซึ่งเหมาะกับคนที่มีปัญหาดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาแก้มส้มยุบ แก้มส้มแบน โหนกแก้มสูง ซึ่งการเติมแก้มส้มจะเสริมให้บริเวณแก้มส้มได้สัดส่วนมากขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก ร่องใต้ตาลึก การฟิลเลอร์แก้มส้มเป็นการยกกระชับให้ผิวกลับมาเรียบตึง ดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่มีปัญหาหน้าโทรมดูไม่สดใส เนื่องจากฟิลเลอร์แก้มส้มเป็นเสมือนการเติมอาหารให้กับผิว ทำให้ใบหน้ากลับมาสดใสและดูมีมิติมากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการให้บริเวณแก้มส้มดูอวบอิ่มและปรับรูปหน้าให้ดูชัดเจน
- ผู้ที่ต้องการปรับโหวงเฮ้งรูปหน้า เพราะตามความเชื่อของจีน หากแก้มส้มอวบอิ่มแสดงว่าเป็นคนที่มีบุญวาสนา ประสบความสำเร็จ ทำสิ่งใดไม่ติดขัด โชคดีเรื่องเงินทอง
เติมแก้มส้ม ด้วยฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
ผู้อ่านที่เคยฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่นๆ บนใบหน้า คงรู้กันอยู่แล้วว่าฟิลเลอร์คือ กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) หรือ HA ซึ่งปกติแล้วเป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายสามารถผลิตได้ ทำหน้าที่พยุงผิวให้เต่งตึง ยืดหยุ่น แข็งแรง
เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตสารชนิดนี้น้อยลง เช่นเดียวกับคอลลาเจนและอิลาสติน จึงส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดร่องลึกตามกระบวนการตามธรรมชาติที่เรียกว่า Aging process
ดังนั้นการฉีดแก้มส้มด้วยฟิลเลอร์เข้าไปที่บริเวณ Midface จึงเป็นการเติมชั้นด้วยกรดไฮยาลูรอนิค ทำให้บริเวณแก้มส้มที่หย่อนคล้อยกลับมาเต่งตึง อวบอิ่ม ริ้วรอยร่องแก้มตื้นขึ้น นอกจากนั้นฟิลเลอร์ยังมีคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในชั้นผิว เพิ่มความยืดหยุ่น รูขุมขนเล็กลง และปรับให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มที่บริเวณใดบ้าง
ตำแหน่งที่ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มคือ บริเวณ Midface อยู่บริเวณกลางใบหน้าหรือพวงแก้ม จึงเรียกการฉีดฟิลเลอร์แบบนี้ว่า Midface Filler
โดยหลังจากฉีดเรียบร้อยแล้ว filler แก้มส้ม ที่ฉีดจะเข้าไปเติมเต็มและพยุงชั้นผิวที่ยุบตัวจากการสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อทำให้ผิวดูสมดุล เต่งตึงและกลับมามีลักษณะแก้มส้มที่สมดุลหรือ S curve อีกครั้ง
ซึ่งในการฉีดแก้มส้มแพทย์สามารถฉีดแก้ปัญหาได้ 8 จุด ได้แก่
- บริเวณโหนกแก้ม
- ส่วนแก้มด้านบน
- ร่องน้ำตา
- ร่องแก้ม
- ร่องมุมปาก
- บริเวณข้างคาง
- บริเวณด้านหน้าของใบหู
- บริเวณพื้นที่พวงแก้ม
อย่างไรก็ตามในการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มไม่จำเป็นต้องฉีดครบทั้ง 8 จุด สามารถฉีดแค่เพียงบ้างจุดได้ โดยขึ้นอยู่กับแพทย์เจ้าของเคสเป็นผู้พิจารณา ซึ่งดูจากปัญหาของแต่ละบุคคลก่อนดำเนินการฉีดแก้มส้ม เพื่อให้ฟิลเลอร์แก้มส้มเข้าไปแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากขึ้น
ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม อยู่ได้นานกี่เดือน
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ส่วนใหญ่แล้วฟิลเลอร์จะอยู่ในชั้นผิวหน้าประมาณ 1 – 2 ปี ก่อนจะสลายตัวภายใน 2 ปี โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ แต่ระยะของฟิลเลอร์หลังฉีดจะขึ้นอยู่กับชนิด ปริมาณ และจุดที่ฉีดด้วย
เพราะฉะนั้นอย่าดูแค่ว่ามีรีวิวเติมแก้มฉีดแก้มส้มราคาถูกอย่างเดียว แต่ต้องเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากหน่วยงานสาธารณสุข ตรวจสอบได้ที่มาได้และที่สำคัญต้องดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพหลังการฉีดแก้มส้ม
ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มกี่ CC
ปกติแล้วปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดแก้มส้มไปยังพวงแก้มแต่ละข้าง ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์เจ้าของเคส ซึ่งปริมาณจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหน้า แต่ในกรณีที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยมาก แพทย์อาจพิจารณาฉีดฟิลเลอร์ในที่จุดอื่นๆ อย่างฟิลเลอร์ใต้ตาหรือร่องแก้มเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มผลลัพธ์หลังจากฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มให้ดียิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์แก้มส้มยี่ห้อไหนดี
ฟิลเลอร์แก้มส้มยี่ห้อไหนดีเป็นคำถามที่คนอยากฉีดแก้มส้มหลายคนเป็นกังวลมากที่สุด เพราะในท้องตลาดมีให้เลือกมากมาย แต่โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเนื้อแข็งปานกลางไปถึงแข็ง
ซึ่งมีคุณสมบัติคงรูปร่างได้ดี เคลื่อนจากตำแหน่งที่ฉีดแก้มส้มยากและกลืนไปกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ปัจจุบันมีฟิลเลอร์แก้มส้มเนื้อแข็งปานกลางและเนื้อแข็งหลายยี่ห้อ เช่น
ฟิลเลอร์ Restylane Perlane LYFT
เป็นฟิลเลอร์แก้มส้มเนื้อแข็งจากประเทศสวีเดน โดดเด่นเรื่องการคงรูป ฉีดแล้วแก้มเต่งตึงแต่ไม่เป็นก้อน ช่วยยกกระชับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ และที่สำคัญฟิลเลอร์รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชา ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม สำหรับฟิลเลอร์ Restylane Perlane LYFT อยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน
ฟิลเลอร์ Restylane Volyme
เป็นฟิลเลอร์แก้มส้มเนื้อแข็งปานกลางจากประเทศสวีเดน โดดเด่นเรื่องความฟูของเนื้อฟิลเลอร์ จึงเหมาะกับคนทีมีปัญหาเรื่องแก้มแบนหรือแก้มตอบ เพราะหลังจากฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม ทำให้แก้มดูอวบอิ่มขึ้นได้อย่างธรรมชาติ สำหรับฟิลเลอร์ Restylane Volyme อยู่ได้นาน 18 เดือน
ฟิลเลอร์ Restylane Defyne
เป็นฟิลเลอร์แก้มส้มเนื้อแข็งปานกลางจากประเทศสวีเดน ผลิตด้วยเทคโนโลยีพิเศษ จึงโดดเด่นทั้งเรื่องความยืดหยุ่น บวกกับเนื้อฟิลเลอร์ที่ไม่แข็งเกินไป ทำให้เนียนไปกับชั้นผิว ไม่เป็นก้อนหลังฉีดแก้มส้ม สำหรับฟิลเลอร์ Restylane Defyne เหมาะกับคนที่มีผิวบาง โดยอยู่ได้นาน 18 เดือน
ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma
เป็นฟิลเลอร์แก้มส้มเนื้อแข็งจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นรุ่นที่มีกรดไฮยารูลอนิกเข้มข้นมากที่สุด มีความยืดหยุ่นสูงแต่ทนกับการเคลื่อนตัวได้ดีเช่นกัน ไม่จับตัวกันเป็นก้อน ให้ความเป็นธรรมชาติหลังฉีดแก้มส้ม นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมของยาชาทำให้เจ็บปวดน้อย สำหรับฟิลเลอร์ Juvederm Voluma อยู่ได้นานสูงสุด 24 เดือน
หากผู้อ่านสนใจการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มด้วยฟิลเลอร์ Juvederm Voluma แนะนำ ฉีดแก้มส้มที่ Waleerat Clinic คลีนิคมาตรฐานระดับเอเซียที่มาพร้อมแพทย์มากประสบการณ์
ฟิลเลอร์ของแท้ที่สามารถตรวจสอบที่มาได้ทุกกล่อง สำหรับการฉีดแก้มส้มราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 24,999 บาท โดยสามารถเข้ารับการประเมินราคาจากแพทย์ที่ Waleerat Clinic ก่อนได้
ฟิลเลอร์แก้มส้ม อันตรายไหม
สำหรับคนที่กำลังสงสัยว่าฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มอันตรายไหมหรืออ่านรีวิวเติมแก้มส้มแล้วยังเป็นกังวลว่าจะมีอันตรายหลังฉีด สามารถลดโอกาสเกิดปัญหาได้ง่ายๆ ด้วยการเลือกฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มกับแพทย์ที่มีประสบการณ์การฉีดแก้มส้ม เพราะแก้มส้มหรือ Midface เป็นส่วนที่ติดกับโหนกแก้มและมีเส้นเลือดจำนวนมาก
การฉีดจึงต้องดำเนินการโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและประสบการณ์เท่านั้น อีกทั้งควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่สามารถตรวจสอบที่มาได้ โดยดูจากเลขทะเบียนอย. เอกสารกำกับ เลข Lot วันเดือนปีที่หมดอายุ และข้อมูลผู้ผลิต
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปจากการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
ถึงแม้ว่าฟิลเลอร์จะเป็นสารธรรมชาติที่พบในชั้นผิว แต่หลังจากฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มอาจพบรอยแดง รอยบวมบริเวณที่ฉีดได้เช่นกัน ซึ่งในกรณีที่ไม่รุนแรงอาการเหล่านี้จะหายได้เองภายใน 7 – 14 วัน
ส่วนในกรณีที่มีการติดเชื้อ อาการจะมีความรุนแรงมากขึ้น โดยบริเวณที่ฉีดจะมีอาการบวมแดง นูนเป็นก้อน แสบร้อน คัน ตุ่มหนองขึ้น หรือมีอาการลมพิษแบบรุนแรง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อสลายฟิลเลอร์
การปฏิบัติตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
ข้อดีของการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มให้พร้อม นอกจากเป็นการลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงแล้ว แน่นอนว่าย่อมได้ผลลัพท์การฉีดแก้มส้มที่ดีกว่า ซึ่งก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มแนะนำว่าควรปฏิบัติ ตามนี้
- ควรแจ้งข้อมูลด้านสุขภาพ อย่างโรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทาน ประวัติการแพ้ยา การตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร ให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง
- ควรสอบถามข้อมูลของชนิดฟิลเลอร์ ขั้นตอน และการดูแลตัวเองจากแพทย์อย่างละเอียด
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม 1 สัปดาห์ ควรงดรับประทานยาแก้ปวดบ้างชนิด ยาลดการแข็งตัวของเลือด วิตามินอี น้ำมันตับปลา คอลลาเจน สารสกัดกิงโกะ
- งดใช้ยาผลัดเซลล์ผิว โกน เลเซอร์ นวดหน้า หรือดึงขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มอย่างน้อย 3 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซาวน่า และออกกำลังกายแบบ Cadio อย่างน้อย 1 วัน
การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม
ข้อดีของการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม นอกจากลดอาการบวมแดงหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับบริเวณที่ฉีดแก้มส้มแล้ว ยังเป็นการยืดอายุและความคงทนของฟิลเลอร์แก้มส้มที่อยู่ในชั้นผิว โดยไม่ต้องเติมแก้มส้มเร็วอีกด้วย สำหรับข้อควรปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม มีดังนี้
- ควรรับประทานยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด หากมีอาการบวมปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
- ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์กระจายตัว
- หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มควรพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหนุนหมอนสูงเป็นเวลา 1 สัปดาห์
- ไม่ควรตากแดด ออกกำลังกาย ซาวน่า หรือใกล้ความร้อนเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เนื่องจากเสี่ยงที่จะทำให้ฟิลเลอร์สลายตัว
- ห้ามทำเลเซอร์เป็นเวลา 1 เดือน
- ไม่แตะ แกะ เกาจุดที่ฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม 3 วัน นวดหน้า หรือเท้าแก้มเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนหรือผิดรูป
- ควรงดอาหารประเภทหมักดอง แอลกอฮอล์ อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารรสจัด และอาหารทะเล เป็นเวลา 14 วัน
- หากมีอาการแพ้ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
สรุป
จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยบนหน้า ช่วยให้ดูอวบอิ่ม อ่อนวัย และมั่นใจทุกครั้งที่แต่งหน้า แต่การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาแบบถาวร ต้องฉีดแก้มส้มซ้ำทุก 1 – 2 ปี
สิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของฟิลเลอร์แก้มส้ม ควรฉีดกับคลีนิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์เฉพาะทาง รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ทั้งก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มอย่างเคร่งครัด เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้หน้าที่เคยดูมีอายุ กลับมาอ่อนเยาว์ขึ้น สดใสขึ้นได้อีกครั้งไม่ยาก
สร้างเส้นทางใหม่สู่ความงาม
ผ่านทางคลินิกวลีรัตน์
✨ สำรวจประสบการณ์แห่งการปรับปรุงตนเองที่คลินิกวลีรัตน์ทั้ง 5 สาขา
หากคุณมีคำถามหรือต้องการคำปรึกษา เพียงแค่กดปุ่มด้านล่างนี้ เพื่อเชื่อมต่อกับเราผ่านทาง Line