Thread Lifting
ร้อยไหม
อ่านที่เดียวจบ ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับร้อยไหม ล่าสุดปี 2024
ร้อยไหม(Thraead lifting) คือ เทคนิคที่ของกระบวนการปรับรูปใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับคนที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอยบนใบหน้า อันเป็นผลลัพธ์จากการเปลี่ยนแปลงไปตามวัย ร้อยไหมจะเข้ามาช่วยยกกระชับ ฟื้นฟูสภาพผิว ลดเลือนริ้วรอย รวมถึงปรับรูปหน้าให้ดูเรียว อ่อนเยาว์ขึ้น
มารู้จักการร้อยไหม
นวัตกรรมสวยเรียวได้แบบไม่ต้องผ่าตัด
ร้อยไหม เป็นการเอาเส้นไหมมาร้อยเป็นเครือ ณ บริเวณใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวบริเวณที่ทำการร้อยนั้น เกิดการอักเสบ นำไปสู่การสร้างเส้นเลือดใหม่ กระตุ้นเซลล์ผิวสร้างเส้นใยของคอลลาเจนขึ้นมา ทำให้ใบหน้ายกกระชับ เรียวได้รูปขึ้น
ร้อยไหมช่วยฟื้นฟูสภาพของผิว โดยไม่จำเป็นที่จะต้องผ่าตัด ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมที่มีความรวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนหลังทำ
ไหมที่ได้รับความนิยมในการร้อยไหมนั้นจะเป็นไหมละลาย มีคุณสมบัติย่อยสลายได้ผ่านกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย โดยตัวไหมนั้นจะมีความสามารถในการสลาย ภายใน 8 เดือน โดยที่ไม่มีสารตกค้างในชั้นผิว
ผลลัพธ์การร้อยไหม หลังจากที่ทำการร้อยไหมเสร็จจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที 30% และจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ความกระชับและเข้ารูปของใบหน้าได้ชัดเจนยิ่ง หลังจากที่ผิวเข้าที่ 3 เดือนโดยประมาณ ซึ่งผลของความยกกระชับเข้ารูปนั้น
ร้อยไหมสามารถอยู่ได้ประมาณ 2 ปีขึ้นไป โดยผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
เลือกหัวข้อที่คุณสนใจ
ร้อยไหมบริเวณไหนได้บ้าง
ร้อยไหม vs ฉีดไหม
ร้อยไหม (Thread Lifting) คือเทคนิคการกระตุ้นให้เซลล์ผิวหน้าสร้างคอลลาเจนขึ้นมา ให้ได้ผิวหน้าที่อ่อนเยาว์และกระชับมากขึ้น โดยใช้วิธีร้อยไหมเข้ากับใบหน้าเพื่อให้เกิดการกระตุ้นดังกล่าว
ฉีดไหม (Thread Injection) นั้นเป็นเทคนิคกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังผลิตคอลลาเจนเพื่อให้ได้ผิววัยเยาว์ ไม่หย่อนคล้อย กระชับรูปใบหน้าเช่นเดียวกันกับการร้อยไหม แต่วิธีที่ใช้นั้น จะฉีดไหมที่เคลือบด้วยยาสลายไขมันเข้าไปบริเวณผิวใบหน้า เพื่อสลายเซลลูไลท์หรือไขมันส่วนเกินในบริเวณที่เราต้องการ นับว่าาเป็นอีกหนึ่งกรรมวิธียกกระชับ คืนความเยาว์ให้ใบหน้าโดยไม่ทิ้งสารอันตรายตกค้างภายในร่างกาย
นอกจากการฉีดไหมแล้ว ยังมีการฉีดไหมน้ำเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพิ่มเติม
ฉีดไหมน้ำ (Collagen Stimulator) คืออะไร?
การฉีดไหมน้ำ คือ นวัตกรรมการเติมเต็มผิวหน้าที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปี 2024 โดยไหมน้ำจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น กระชับ และดูอ่อนเยาว์ขึ้น การฉีดไหมน้ำสามารถทำได้แทบทุกบริเวณบนใบหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป
ไหมน้ำยอดนิยมในปี 2024 (ผ่าน อย.)
- Ultracol:ไหมน้ำชนิด PDO (Polydioxanone) ที่มีลักษณะเป็นผงละเอียด เมื่อฉีดเข้าผิวหนังจะละลายเป็นน้ำและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดเลือนริ้วรอยและกระชับผิวหน้า
- Sculptra:ไหมน้ำชนิด PLLA (Poly-L-lactic acid) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและต้องการยกกระชับผิวหน้า
- Juvelook:ไหมน้ำชนิด PLLA (Poly-L-lactic acid) ที่มีอนุภาคขนาดเล็ก ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอยบนใบหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- GOURI:ไหมน้ำชนิด PCL (Polycaprolactone) ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ช่วยยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ยาวนานกว่าไหมน้ำชนิดอื่น
ร้อยไหม หรือ ฉีดไหม ดีกว่ากัน? เปรียบเทียบให้เห็นชัด ตัดสินใจง่าย!
สาวๆ คนไหนอยากหน้าเป๊ะ ปรับรูปหน้า หรืออยากลดเลือนริ้วรอยบ้างคะ? วันนี้เรามี 2 ตัวเลือกเด็ดมาฝากกันค่ะ นั่นก็คือ “ร้อยไหม” และ “ฉีดไหม” ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ก็มีดีคนละแบบ จะต่างกันยังไง ไปดูกันเลย!
เหมือนกันตรงไหน?
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน แถมยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวให้กลับมาเด้งดึ๋งอีกด้วย
ต่างกันยังไงล่ะ?
ร้อยไหม VS ฉีดไหม: เลือกแบบไหนให้สวยปัง!
ร้อยไหม | ฉีดไหม (ไหมละลาย) | |
---|---|---|
วิธีทำ | ใช้เข็มร้อยไหมไว้ใต้ผิว เพื่อยกกระชับและปรับรูปหน้า | ฉีดไหมละลายที่มีตัวยาสลายไขมันเข้าไปในผิว |
ผลลัพธ์ | เน้นยกกระชับหน้า ลดริ้วรอยต่างๆ ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย | เน้นสลายไขมันส่วนเกิน กระชับผิว ลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ |
เห็นผล | ทันทีหลังทำ สวยเป๊ะปังสุดๆ ประมาณ 2-3 เดือน | ชัดเจนใน 2-4 สัปดาห์ |
อยู่ได้นาน | ประมาณ 6-12 เดือน | ประมาณ 6-8 เดือน |
ผลข้างเคียง | อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือตึงๆ บริเวณที่ร้อยไหม | อาจมีบวม แดง หรือระคายเคืองนิดหน่อยบริเวณที่ฉีด |
เหมาะกับใคร | คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย อยากยกกระชับหน้า หรือปรับรูปหน้า | คนที่มีไขมันส่วนเกินเล็กน้อย อยากสลายไขมันให้หน้าเรียวเล็ก |
ใครบ้างนะที่เหมาะจะร้อยไหม? มาเช็คกัน!
การร้อยไหมเป็นเทคนิคยกกระชับใบหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย กระชับผิวหย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัว
ใครบ้างที่เหมาะกับการร้อยไหม?
- ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป: โดยทั่วไปแล้ว การร้อยไหมเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นและคอลลาเจน ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง: การร้อยไหมสามารถช่วยยกกระชับผิวบริเวณแก้ม คาง กรอบหน้า และลำคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้ที่มีริ้วรอย: ริ้วรอยตื้นๆ หรือร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก สามารถลดเลือนได้ด้วยการร้อยไหม
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า: การร้อยไหมสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวยขึ้นได้ เช่น ยกกระชับแก้ม ลดเหนียง หรือปรับรูปคาง
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว: การร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ขึ้น
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการร้อยไหม?
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง: เช่น โรคเลือด โรคภูมิคุ้มกัน หรือมีประวัติแพ้สารบางชนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร: ไม่แนะนำให้ทำการร้อยไหมในช่วงนี้
- ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้อ: ควรรอให้ผิวหายดีก่อนทำการร้อยไหม
การร้อยไหมอันตรายไหม? มาดูข้อดี-ข้อเสียกัน
การร้อยไหมเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัย เมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ไหมละลายที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีข้อดีข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจทำ
ข้อดีของการร้อยไหม
- ยกกระชับผิวหน้า: ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ลดเลือนริ้วรอย: ริ้วรอยตื้นๆ หรือร่องลึกสามารถลดเลือนลงได้
- ปรับรูปหน้า: ช่วยให้ใบหน้าเรียวสวยขึ้น เช่น ยกกระชับแก้ม ลดเหนียง
- ฟื้นฟูผิว: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและดูสดใส
- ไม่ต้องผ่าตัด: เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ไม่ต้องพักฟื้นนาน
- เห็นผลเร็ว: เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังทำ
ข้อเสียของการร้อยไหม
- อาจมีผลข้างเคียง: อาจเกิดอาการบวม ช้ำ หรือติดเชื้อได้ แต่ส่วนใหญ่มักหายไปเองภายในไม่กี่วัน
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร: ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมและการดูแลรักษา
- ค่าใช้จ่ายสูง: ค่าใช้จ่ายในการร้อยไหมค่อนข้างสูง
- ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ไหมมีกี่ชนิด ลักษณะหน้าตาของไหมแต่ละชนิด
ไหมที่ใช้สำหรับการร้อยไหมนั้น ปัจจุบันจะมีด้วยกันอยู่ 2 แบบ คือ ไหมไม่ละลาย และไหมละลาย
ไหมที่คลินิกส่วนใหญ่เลือกใช้นั้นเป็นไหมละลาย เพราะเป็นไหมที่รับรองได้ว่าปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ไม่ทิ้งสารตกค้างอันตรายหรือกระตุ้นภาวะแทรกซ้อน ซึ่งไหมทั้ง 2 แบบมีลักษณะแตกต่างกัน ดังนี้
เป็นเส้นไหมละลายที่มีลักษณะเป็นเงี่ยงยื่นออกมา ช่วยเกี่ยวผิวให้ยกกระชับขึ้น ซึ่งไหมเงี่ยงนั้น เป็นไหมที่มีชื่อเรียกหลากหลาย ตามขนาดของไหมที่มีหลายขนาดแตกต่างกันออกไป เช่น ไหมก้างปลา ไหมเงี่ยงกุหลาบ ไหมทอร์นาโด
ที่เราคุ้นหูกัน ก็ล้วนอยู่ในหมวดของไหมเงี่ยงทั้งสิ้น ซึ่งชื่อเหล่านี้นั้นเป็นชื่อทางการค้าที่สร้างสรรค์เพื่อความแตกต่างกัน โดยตัวอย่างชื่อเรียกแต่ละแบบของไหมเงี่ยง มีดังนี้
• ไหมก้างปลา
• ไหมเงี่ยงกุหลาบ
• ไหมทอร์นาโด
• ไหมปากฉลาม
• ไหมปิรันย่า
• ไหมจระเข้
• ไหมมังกร
• ไหมทับทิม
• ไหม double-lock
ไหมคอลลาเจนจริงๆ นั้น คือ ไหมเรียบ ตัวไหมชนิดนี้จะเน้นใช้ร้อยเพื่อสร้างคอลลาเจน จึงเป็นที่มาของชื่อไหมคอลลาเจนนั่นเอง
ซึ่งปริมาณของไหมที่ต้องใช้ร้อยเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนนั้น ใช้ได้ปริมาณ 20-40 เส้น
เป็นเส้นไหมละลายที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความแข็งแรง สามารถทนแรงต้านได้ดีกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า เพราะการใช้ไหมตาข่าย 1 เส้น เทียบเท่ากับ การร้อยไหม 2 เส้น จึงมีจุดเด่นในเรื่องการยกกระชับ และพยุงผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี อีกทั้งยังเป็นไหมที่ผ่านการรับรองจาก CE Approved (European Conformity)
เป็นไหมที่ผลิตจากการนำวัสดุ PLLA และ PCL มาผสมร่วมกัน ซึ่ง PLLA หรือ Poly-L-Lactic Acid นั้น มีจุดเด่นเรื่องประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน ส่วนไหม PCL หรือ Polycaprolactone นั้น มีจุดเด่นเรื่องการคงอยู่ของไหมที่ยาวนานกว่าไหมละลายชนิดอื่น โดยไหมตัวนี้จะอยู่ได้ถึง 18-24 เดือนหลังผ่านกระบวนการร้อยไหม
ดังนั้น เมื่อรวมประสิทธิภาพของไหม PLLA และ ไหม PCL เข้าด้วยกัน จึงทำให้ไหมอิตาลี เป็นไหมที่มีความยืดหยุ่น และอุ้มน้ำได้ดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างโดดเด่นและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานเมื่อเทียบกับไหมละลายตัวอื่น
นอกจากนี้ ไหมอิตาลียังมีลักษณะพิเศษที่ออกแบบให้เงี่ยงของเส้นไหมหันเข้าหากัน ช่วยให้ตัวไหมยึดติดกับใบหน้าได้ดี และทำให้ใบหน้ากระชับเห็นผลอย่างโดดเด่น ซึ่งประสิทธิภาพในการยึดเกาะใบหน้าของ
เส้นไหมอิตาลี 1 เส้น นั้น เทียบเท่ากับการร้อยไหมก้างปลากว่า 10 เส้นเลยทีเดียว จึงทำให้ไหมอิตาลีเป็นไหมที่มีจุดเด่นเรื่องใช้ปริมาณไหมน้อย แต่ยกกระชับใบหน้าได้ดีมากนั่นเอง
เป็นไหมละลายที่มีลักษณะคล้ายกรวยของไอศกรีม จึงเป็นเหตุให้เรียกไหมลักษณะนี้ว่าไหมกรวย ด้วยลักษณะที่เป็นกรวย และขนาดของไหม ทำให้ตัวไหมกรวยมีประสิทธิภาพการเกาะกับผิวและกระตุ้นคอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้น
ตอบโจทย์ในการร้อยไหมเพื่อกระชับใบหน้าได้มากขึ้น อีกทั้งด้วยลักษณะของไหมที่มีกรวยเป็นองค์ประกอบนั้น สามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บของผิวหนังจากเส้นไหมบาดผิวได้มากขึ้น
เป็นไหมละลายที่มีลักษณะคล้ายไหมละลายเส้นเรียบ (ไหม PDO เส้นเรียบ) แต่มีลักษณะเหมือน 2 เส้น รวมกัน
ทำให้ดูคล้ายเกลียว ไม่เหมาะกับการยกกระชับ และอาจทำให้มีผลข้างเคียงเรื่องการบวมช้ำหลังร้อยไหมได้
หรืออีกชื่อก็คือ ไหมสามมิติ หมุน 360 องศา ไหมมิ้นท์เป็นไหมละลายที่ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพในการยกกระชับมากยิ่งขึ้น
ทั้งยังผ่านมาตรฐานจากทางอย. จึงรับประกันความปลอดภัยได้ โดยตัวเส้นไหมจะมีจุดเด่น คือ หมุนได้ 360 องศา ทำให้ยึดเกาะเนื้อเยื่อได้หลายทิศทาง อีกทั้งตัวไหมยังแข็งแรง ไม่เปราะง่าย เห็นผลลัพธ์ในการยกกระชับหน้าได้ดียิ่งขึ้น
ไหมทองคำ เป็นไหมชนิดแบบไม่ละลาย ที่อาจอันตราย และไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการร้อยไหมโดยทั่วไปเท่าไหร่นัก
ไหมทองคำเป็นไหมชนิดไม่ละลาย ไม่เหมาะกับการร้อยไหมทั่วไป เพราะอาจมีผลข้างเคียงมากกว่าไหมละลายชนิดอื่น เช่น ห้ามเข้าเครื่อง MRI หรือเอกซเรย์ เนื่องจากทองคำเป็นโลหะ อาจทำให้เกิดความร้อนสูงจนไหม้ได้
หากสนใจร้อยไหม แนะนำให้เลือกไหมละลาย เช่น PDO หรือ PCL ซึ่งปลอดภัยกว่าและไม่ก่อให้เกิดปัญหาเมื่อเข้าเครื่อง MRI หรือเอกซเรย์
วลีรัตน์คลินิกให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคนไข้เป็นอันดับแรก จึงเลือกใช้ เฉพาะไหมละลาย ที่ได้มาตรฐานเท่านั้น เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะสวยอย่างปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
เข็มร้อยไหมมีกี่แบบกันนะ? มาดูกัน!
ร้อยไหมให้สวย ปลอดภัย ต้องเลือกเข็มให้ดี! รู้ไหมว่าเข็มที่ใช้ร้อยไหมมีหลายแบบนะ แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป
คุณหมอที่เก่งๆ จะเลือกใช้เข็มให้เหมาะกับผิวเราและจุดที่ร้อย เพื่อลดโอกาสบวมช้ำ ใครอยากร้อยไหมก็สบายใจได้เลย เพราะคุณหมอจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เราแน่นอน!
บริการร้อยไหมของ Waleerat Clinic
มีอะไรบ้าง
บริการร้อยไหมของ Waleerat Clinic มีให้บริการหลายแบบเพื่อให้เหมาะกับความต้องการของคนไข้
ร้อยไหมหน้าเรียว ONYX เป็นการร้อยไหม เข้าไปสู่ใต้ชั้นผิวด้วยไหมวัสดุเกรดพรีเมี่ยม จะค่อยเข้าไปอยู่ใต้ชั้นผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสลายไขมัน ช่วยพยุงใบหน้าไม่หย่อนคล้อย ทำให้หน้าแลดูตึงกระชับ คงความสวยแบบวัยเยาว์
ร้อยไหมก้างปลา Emerald เป็นบริการร้อยไหมเพื่อแก้ปัญหาผิวเหี่ยวย่น ด้วยตัวไหมมรกต (Emerald) ที่ออกแบบพิเศษให้มีเส้นขนาดใหญ่ และมีเงี่ยงไหมที่มีลักษณะเว้าลึก ได้มิติของมรกต เพิ่มผิวสัมผัส ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ร้อยไหมก้างปลาเป็นตัวที่มีความทนทานสูงสุด ช่วยกระชับใบหน้าด้วยประสิทธิภาพในการดึงเนื้อเยื่อใต้ผิวและการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนของไหมพิเศษตัวนี้
ร้อยไหมยกกระชับ Grand Diamond เป็นการร้อยไหม ด้วยไหมวัสดุเกรดพรีเมี่ยม เพื่อกระตุ้นให้การสร้างคอลลาเจนให้ยังคงอยู่แม้ไหมจะละลายไปแล้ว และสามารถสลายไขมันได้
ตัวไหมจะทำงานในผิวใบหน้าชั้น SMAS เสมือนเป็นตาข่ายตรึงเซลล์ผิว ช่วยประคองใบหน้าไม่ให้หย่อนคล้อย ยกกระชับใบหน้าให้สวยและดูอ่อนเยาว์
การร้อยไหม V-O-LINE คือ เป็นวิธีการยกกระชับใบหน้าที่ผนวกการวิเคราะห์เพิ่มเพื่อเน้นการแก้ไขปัญหากรอบหน้าและ เหนียง ไขมันใต้คางโดยเฉพาะ โดยตัว V นั้น มาจากการกระชับกรอบหน้าตามแนวกราม (V Triangle Lifting) ส่วน O นั้น มาจาก Zero Fat หรือการสลายไขมันใต้คางให้เหลือเป็นศูนย์
ส่วน Line ใน V-O-Line นั้น ก็คือ ไหม PDO คริสตัลสีม่วง ออกแบบพิเศษโดยทาง Waleerat Clinic ที่จะช่วยให้การร้อยไหมเห็นผลจริง และปรับโครงหน้าให้เข้ารูปชัดมากยิ่งขึ้น การันตีด้วยผลการวิจัยรับรองประสิทธิภาพของไหม PDO จาก National Institutes of Health (NIH)
ขั้นตอนการร้อยไหม
การร้อยไหม ช่วยให้ใบหน้ากระชับและดูดีขึ้น
ซึ่งสิ่งที่ผู้ที่ร้อยไหมควรเตรียมตัว ดังนี้
1. วิเคราะห์โครงหน้าและบริเวณในการร้อยไหม
2. จัดเตรียมผิวหน้าก่อนเริ่มร้อยไหม
• ทำความสะอาดผิวหน้า ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อเตรียมผิวหนังบริเวณใบหน้าให้ปราศจากเชื้อ พร้อมสำหรับการร้อยไหม ดังนั้น จึงไม่ควรจับใบหน้าหลังการฆ่าเชื้อ เพราะทำให้เชื้อโรคปนเปื้อนได้
• ฉีดยาชา โดยจะฉีดตัวยาชาเข้าไปใต้ผิวหนังตามแนวไหมที่จะร้อย คนไข้จะรู้สึกแสบเล็กน้อยจากตัวยาชา ใช้เวลาออกฤทธิ์ประมาณ 5 นาที แล้วจึงเริ่มกระบวนการร้อยไหม
• วาดจุดบนใบหน้า เนื่องจากผู้เข้ารับบริการมีเงื่อนไข ลักษณะใบหน้า หรือปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ทางศัลยแพทย์จึงต้องประเมินเพื่อวิเคราะห์แนวทางและวิธีการรักษา
การวาดจุดบนใบหน้าเพื่อวางแผนแก้ปัญหาอย่างตรงจุด โดยแนวการวางไหมพื้นฐานแล้วจะเริ่มต้นที่ 4 เส้น แบ่งเป็นข้างละ 2 เส้น และจะปรับไปตามปัญหา และรูปหน้าของคนไข้
3. กระบวนการร้อยไหมและการปิดแผล
แพทย์จะค่อยๆ ใส่เส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง SMAS ทีละเส้น ตามแนวไหมที่ประเมินไว้ คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บเนื่องจากฤทธิ์ของยาชา จะมีเพียงความรู้สึกตึงเล็กน้อยจากการร้อยไหม
เมื่อแพทย์ร้อยไหมตามแนวไหมที่ประเมินไว้จนเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายของการร้อยไหม คือทำการตัดไหม หรือในไหมบางชนิดจะมีการผูกปมไหม ซึ่งเมื่อตัดปลายไหมออก จะไม่เห็นเส้นหรือปมไหมแต่อย่างใด จากนั้นก็จะทำความสะอาดผิวหน้าและปิดพลาสเตอร์บริเวณรูไหมให้กับคนไข้ เป็นอันจบขั้นตอน
ร้อยไหม ราคาเท่าไหร่
ทำไมถึงต้องร้อยไหมที่ Waleerat Clinic
อันดับ 1 เรื่องของการร้อยไหมในเอเชีย พร้อมด้วยแพทย์ที่เป็นอาจารย์สอนและได้รับรางวัลด้านร้อยไหมระดับเอเชีย ทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปีในด้านการร้อยไหมโดยเฉพาะ
พร้อมด้วยเครื่องมือ และความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานของคลินิกระดับสากล
รีวิวร้อยไหม
ก่อน-หลังร้อยไหม
ดูแลตัวเองยังไงดี
ก่อนทำการร้อยไหม
• ศึกษาข้อมูล ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการร้อยไหมอย่างละเอียด เช่น การเลือกคลินิก การเลือกหมอ และเทคนิคในการทำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย และช่วยลดความกังวล เกี่ยวกับผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
• งดการแว็กผิว การดึงขน กำจัดขน หรือทำกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่เป็นเหตุให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวเป็นเวลา 3 วัน ก่อนทำหัตถการ
• มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ หรือเตรียมข้อมูลยาที่กินเป็นประจำ เพื่อแจ้งกับศัลยแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
• งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนเข้ารับหัตถการ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายชนิด cardio
• งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม. ก่อนเข้ารับบริการหัตถการดังกล่าว
ดูแลตัวเองหลังจากร้อยไหม
• เลี่ยงแตะจุดที่ผ่านการร้อยไหม รวมถึงการเกา การกดนวด ตรงผิวหนังบริเวณนั้นๆ ซึ่งอาการต่างๆ หลังทำการร้อยไหมนั้นจะค่อยๆดีขึ้น ภายใน 2-3 วัน
• ไม่ควรนวดหน้าแรงๆ ตรงบริเวณที่ร้อยไหม เป็นเวลา 2 เดือน
• กินยาฆ่าเชื้อ ในกรณีที่ไม่ได้กินยาฆ่าเชื้อก่อนเข้ารับบริการหัตถการ หลังทำควรรีบกินยาฆ่าเชื้อทันที
• งดหัตถการอื่นๆ เช่น การยิงเลเซอร์ หรือหัตถการใดๆ ที่ต้องใช้ความร้อนลงผิวชั้นลึก เป็นเวลา 1 เดือน
• งดหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรือมื้ออาหาร กิจกรรมที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกชนิด
• งดอาหารรสจัด ไม่ว่าจะหวานจัดหรือเผ็ดจัด เพราะจะกระตุ้น กระบวนการอักเสบได้
• งดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด อาจเป็นอันตรายได้
โปรโมชั่น
อย่าพลาดข้อเสนอพิเศษของเรา! บริการคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสมและโปรโมชั่นพิเศษ สัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดกับเรา!
Find the perfect doctor
ทีมแพทย์ที่มีความมุ่งมั่น และมีประสบการณ์ที่จะช่วยให้คุณค้นพบการดูแลที่คุณต้องการ ด้วยความชำนาญเฉพาะทางในสาขาการแพทย์ที่หลากหลาย เราจะจับคู่คุณกับแพทย์ที่เหมาะสมที่สุด
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการร้อยไหม
ร้อยไหมเจ็บไหม
ร้อยไหมกี่วันจึงจะหายเจ็บ บวม ช้ำ
โดยทั่วไปแล้ว หลังร้อยไหม ในช่วง 3-4 วันแรกจะบวมมากขึ้น และหลังจากนั้น อาการบวมจะเริ่มยุบลง จนเข้าที่ใน 14 วัน และเห็นผลชัดเจนในช่วงประมาณ 2 เดือน