Radiesse Plus
RADIESSE PLUS (เรเดียส พลัส) นวัตกรรมสารเติมเต็มที่เหนือกว่าฟิลเลอร์
เมื่อเราก้าวเข้าสู่วัย 40 การดูแลผิวพรรณเป็นสิ่งสำคัญมาก Radiesse Plus Collagen Biostimulator เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยปรับปรุงโครงสร้างผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง
ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ มีความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นมากขึ้น มาดูกันว่าทำไม Radiesse Plus ถึงเป็นที่ยอมรับและมีประสิทธิภาพอย่างไร
Radiesse Plus (เรเดียส พลัส) เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมความงามที่ช่วยให้ผิวมีคุณภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอกและคงสภาพผิวให้ดูเด็กลง กลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
การสร้าง Contour และ Contrast ในการถ่ายภาพบุคคล ในการถ่ายภาพบุคคล การสร้าง Contour (โครงหน้า) และ Contrast (ความแตกต่างของแสงและเงา)
มีความสำคัญมาก การใช้แสงและเงาที่เหมาะสมจะช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติและความชัดเจนมากขึ้น
สรุป
Radiesse Plus Collagen Biostimulator เป็นนวัตกรรมที่สำคัญในการปรับปรุงโครงสร้างผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การใช้เทคนิคที่เหมาะสมในการฉีด Radiesse Plus ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ดูอ่อนเยาว์ และมีความชุ่มชื้นมากขึ้น การรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงความหย่อนคล้อยของผิวและสร้างความสมดุลให้กับโครงสร้างใบหน้าอย่างยั่งยืน
RADIESSE PLUS คืออะไร
Radiesse Plus คือ สารเติมเต็มกระตุ้นคอลลาเจน (biostimulator) ที่ประกอบด้วยแคลเซียมไฮดรอกซิแอปาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกายมนุษย์ ทำให้มีความปลอดภัยสูงและมีโอกาสเกิดการแพ้น้อยมาก
Radiesse Plus ไม่เพียงแค่เติมเต็มและยกกระชับผิวในทันที แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ภายในผิว ทำให้ผลลัพธ์คงทนและดูเป็นธรรมชาติในระยะยาว
ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย เติมเต็มร่องลึก และเพิ่มปริมาตรให้กับส่วนที่ขาดหายไป ทำให้ใบหน้าดูเต็มและอ่อนเยาว์ขึ้น
Radiesse Plus = Lift + Contour
การฉีด Radiesse Plus ในบริเวณกรามและโหนกแก้มจะช่วยเน้นโครงหน้าให้ชัดเจนขึ้นและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวบริเวณที่ต้องการแสงและเงาบนใบหน้า
การปรับแสงและเงาบนใบหน้าให้ถูกต้องสามารถทำให้ผิวหน้าดูสมบูรณ์และมีมิติมากขึ้น บริเวณที่ควรเพิ่มแสงจะช่วยให้ใบหน้าดูสดใส ส่วนบริเวณที่ควรเพิ่มเงาจะช่วยสร้างความลึก
โดยสามารถใช้เพื่อสนับสนุนโครงสร้างผิวโดยการฉีดบริเวณเนื้อเยื่อรอบกระดูก เทคนิคนี้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและดูอ่อนเยาว์ขึ้น
Radiesse plus เหมาะกับใคร
Radiesse Plus เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ร่องลึก หรือสูญเสียปริมาตรผิวและผู้ที่ต้องการปรับรูปลักษณ์ของใบหน้ารวมไปถึงส่วนต่างๆโดยไม่ต้องการการผ่าตัด
การรักษาด้วย Radiesse Plus ขึ้นอยู่กับระดับความหย่อนคล้อยของผิว โดยใช้จำนวนเข็มแตกต่างกัน:
• ถ้าไม่มีความหย่อนคล้อย ใช้ 1 เข็ม
• ถ้าหย่อนคล้อยเล็กน้อย ใช้ 1-2 เข็ม
• ถ้าหย่อนคล้อยปานกลาง ใช้ 2-3 เข็ม
• ถ้าหย่อนคล้อยมาก ใช้ 3-4 เข็ม
นอกจากนี้ Radiesse Plus (เรเดียส พลัส) ยังเหมาะสำหรับการเติมเต็มในจุดบกพร่องบนใบหน้าและร่างกาย ดังนี้
เติมเต็มร่องลึกบริเวณร่องแก้มโดยไม่ต้องใช้ฟิลเลอร์ดำเพื่อช่วยให้ร่องลึกดูตื้นขึ้นทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น
บางคนอาจมีปัญหาใบหน้าส่วนล่างไม่ชัดอาจเกิดจากกระดูกโครงสร้างผิวทรุดลงตามอายุ การฉีด Radiesse Plus จะช่วย ปรับรูปทรงแนวกรามให้ชัดเจนและยกกระชับมีมิติมากขึ้น
ผู้ที่มีปัญหาคางตัด คางสั้นหรือเคยเติมฟิลเลอร์มาแล้วไม่ได้ผลการฉีด Radiesse Plus จะช่วยปรับรูปทรงคางให้ได้สัดส่วนที่สวยงาม
ปัญหามือเหี่ยว เห็นเส้นเลือดชัดเพราะอายุที่มากขึ้นหัตถการที่นิยมทำกันคือฉีดสารเติมเต็มบริเวณหลังมือที่สูญเสียปริมาตรและมีริ้วรอย ทำให้มือดูอ่อนเยาว์ขึ้น
Radiesse plus ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
Radiesse Plus เป็นสารเติมเต็มที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยในการฟื้นฟูและเสริมความงามของผิวอย่างหลากหลาย โดยสามารถช่วยในด้านต่าง ๆ ดังนี้
- ยกกระชับและเพิ่มมิติให้ผิว – เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหน้าเริ่มหย่อนคล้อยไปตามวัย ซึ่งในบางราย เกิดจากกระดูกที่ทรุดตัวทำให้ใบหน้าไม่สมส่วน
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน – Radiesse Plus ไม่เพียงแค่เติมเต็มและยกกระชับผิวในทันที แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ภายในผิว ทำให้ผลลัพธ์คงทนและดูเป็นธรรมชาติในระยะยาว
- ลดเลือนริ้วรอย – ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า เช่น ริ้วรอยรอบดวงตาและรอบปาก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
- ผลลัพธ์ที่ยาวนาน – ผลลัพธ์ของ Radiesse Plus สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาของแต่ละบุคคล
Radiesse plus สามารถทำคู่กับเครื่อง laser ได้หรือไม่
Radiesse Plus มีส่วนประกอบของ CaHa ซึ่งมีผลลัพธ์การเพิ่มวอลลุ่มผิวให้เห็นผลได้ทันทีและที่สำคัญมีความคงทนต่อความร้อนได้ 1,000 องศาเซลเซียส สามารถทำคู่กับเครื่องยกกระชับอย่าง Ultraformer , Ulthera, Thermage รวมไปถึงการเลเซอร์ต่างๆได้อีกด้วย
Radiesse PLUS VS Radiesse Classic
RADIESSE PLUS
Radiesse Plus (เรเดียส พลัส) = Dermal Filler + Ultherapy เป็น สารเติมเต็มที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Biostimulator) ที่ได้รับการรับรองจาก US FDA (อย. อเมริกา) และ อย.ไทย
นอกจากจะช่วยกระต้นการสร้างคอลลาเจนแล้วยังสามารถใช้ปรับรูปหน้าบริเวณกราม ช่วยเติมเต็มร่องลึกและลดริ้วรอยบนใบหน้า เพราะมีส่วนประกอบอย่าง CaHa หรือ Calcium Hydroxylapatite
Radiesse Classic
เรเดียสคลาสสิก คือ นวัตกรรมล่าสุดที่จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มมีส่วนประกอบหลักที่สำคัญไม่ใช่ HA หรือ Hyalilonic acid แต่มีสารเติมเต็ม (Filling Substance) ชนิดหนึ่ง
เรเดียสคลาสสิก ส่วนประกอบหลักคือสาร CaHA (Calcium Hydroxylapatite – แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ) ซึ่งอยู่ในกลุ่มของสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator)
มีจุดเด่นพิเศษคือช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน จึงให้ผลลัพธ์ในการเติมวอลลุ่มผิวแบบเห็นผลทันทีและช่วยในการทำให้ใบหน้ายกกระชับลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
RADIESSE PLUS VS Sculptra
Sculptra เป็นเทคโนโลยีการฟื้นฟูผิวแบบใหม่ ที่จะช่วยบำรุงผิวตั้งแต่ภายใน ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้แก่ผิว ฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเรียบเนียน ดูอ่อนวัยขึ้น
เป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก บริเวณที่นิยมฉีด กรอบหน้า ขมับ ซึ่ง Sculptra จะสามารถเลือกฉีดได้แค่แบบ Biostimulator เพียงอย่างเดียว
Radiesse plus vs threadlift
Radiesse Plus เป็นสารเติมเต็มผิวหนังที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มใบหน้า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาขึ้น
จุดเด่นสามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย กระดูกใบหน้าทรุดโดยเห็นผลทันทีและสามารถทนความร้อนได้สูงทำควบคู่กับเครื่องเลเซอร์ได้
ร้อยไหม (Thread lift ) เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่มีประสิทธิภาพและไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียน และอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไหมที่ใช้ทำจากวัสดุที่สามารถละลายได้ในร่างกาย เช่น Polydioxanone (PDO) ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยและใช้เวลาพักฟื้นสั้น
Radiesse PLUS VS Dermal Filler
RADIESSE PLUS
เรเดียส พลัส Radiess Plus = Dermal Filler + Ultherapy มีความคงตัวสูง ฉีดแล้วไม่ไหล เหมาะกับการฉีดบริเวณ Cheek bone และ Jawline ให้ผลลัพธ์หน้าคมชัด พุ่ง มีมิติ ใช้ปริมาณน้อย ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ได้ผลลัพท์ที่เป็นธรรมชาติและผลยาวนาน
Dermal Filler
- ฟิลเลอร์ทั่วไป: ฟิลเลอร์จะมีหลายเนื้อหากเนื้อแข็ง จะมีความบวม เหมาะกับการปั้นรูปหน้า สามารถทำได้ หลากหลาย บริเวณกว่า เช่นใต้ตา ร่องแก้ม ซึ่ง Radiesse Plus ไม่สามารถทำได้ แต่การฉีดบริเวณ Cheek bone และ Jawline อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากกว่า และอาจ ไม่คงรูปและผลลัพธ์สั้นกว่า
Pricing
ราคา Radiesse Plus
Price Radiesse Plus
ราคาเรเดียส พลัส
ราคาพรีออเดอร์ 49,999 บาท
1 แถม 1 เฉพาะจองออนไลน์
ขั้นตอนในฉีด Radiesse Plus
โดยขั้นตอนในการทำการผ่าตัดยกหางตา ดังนี้
- วางแผนการฉีด (Injection Planning )– แพทย์จะวางแผนตำแหน่งที่จะฉีดและปริมาณที่เหมาะสมจากนั้นแพทย์จะทำเครื่องหมายบนผิวหรือบริเวณที่ฉีดเพื่อกำหนดจุดที่จะฉีด
- ทำการมาร์คยาชา (Anesthetic Mark) – หลังจากที่กำหนดจุดที่จะทำหัตถการ แพทย์จะทำการฆ่าเชื้อและทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดและมาร์คยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
- ดำเนินการฉีด Radiesse Plus (Injection Procedure) – แพทย์จะใช้เข็มหรือแคนนูล่าในการฉีด Radiesse Plus เข้าไปในชั้นผิวที่ต้องการหลังจากฉีดเสร็จ แพทย์จะนวดเบา ๆ บริเวณที่ฉีดเพื่อช่วยให้ตัวยากระจายตัวอย่างสม่ำเสมอและดูเป็นธรรมชาติ
การเตรียมตัวก่อนทำและวิธีดูแลตัวเองหลังจากทำ RADIESSE PLUS
RADIESSE PLUS (เรเดียส พลัส) เป็นหัตถการที่ช่วย ยกกระชับ เติมเต็ม ลดริ้วรอยและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนานและมีประสิทธิภาพ วลีรัตน์ คลินิก ได้รวบรวมวิธีการเตรียมตัวก่อนฉีดและวิธีการดูแลหลังฉีด Radiesse Plus ดังนี้
- ศึกษาข้อมูลรวมไปถึงการเลือกแพทย์และคลินิกที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัย
- งดการทำหัตถการที่อาจจะทำให้เกิดแผลบริเวณใบหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ทำร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำเยอะๆ
- หลังจากฉีดเสร็จทันที บริเวณที่ฉีดอาจมีลักษณะบวม หรืออาจเห็นลักษณะของผิวที่นูนขึ้นชัดเจนได้ เป็นเรื่องปกติ ซึ่งอาการบวมจะดีขึ้นใน 72 ชั่วโมง
- ในช่วงแรก คนไข้อาจจะสัมผัสใบหน้าแล้วรู้สึกแตกต่างซึ่งหลังจากการฉีด 2 สัปดาห์จะรู้สึกเป็นธรรมชาติ
- ในช่วง 1-2 เดือนแรกหลังจากการฉีด แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่มีความร้อนในบริเวณที่ฉีด (เนื่องจากอาจทำให้ CMC ลดลงเร็วขึ้น) อาจทำให้รู้สึกว่าลดลงได้ ในระหว่างที่ร่างกายเริ่มมีกระบวนการสร้างองค์ประกอบใหม่ในชั้นผิว
- ในคนไข้ที่มีการขาด Volume แนะนำให้ทำการฉีดร่วมกับ HA filler ใน Area ที่ต้องการ Volume
- สามารถรักษาร่วมกับ Radiesse Regenerative Biostimulator ได้ใน visit เดียวกัน โดยแนะนำให้ฉีด Radiesse PLUS เพื่อสร้างรอบหน้าก่อน ตามด้วย Radiesse Regenerative Biostimula ใน Area ที่ต้องการให้คุณภาพผิวดีขึ้น
- งดเว้นการแคะ แกะ เกา และสัมผัสใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่ฉีด เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ
Find the perfect doctor
ทีมแพทย์ที่มีความมุ่งมั่น และมีประสบการณ์ที่จะช่วยให้คุณค้นพบการดูแลที่คุณต้องการ ด้วยความชำนาญเฉพาะทางในสาขาการแพทย์ที่หลากหลาย เราจะจับคู่คุณกับแพทย์ที่เหมาะสมที่สุด
คำถามที่พบได้บ่อย
Radiesse Plus เป็นสารเติมเต็ม (dermal filler) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง มันถูกใช้ในการแก้ไขและปรับปรุงริ้วรอยลึก รอยแผลเป็น และปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และเต่งตึงขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ในผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและชุ่มชื้นมากขึ้น
นื้อยารุ่นใหม่มีความเข้มข้น และเหนียวกว่ารุ่นเดิม สามารถนำมาฉีดเติมเต็มบริเวณที่ขาดวอลลุ่มได้เหมือนการเติมฟิลเลอร์ โดยให้ผลกระตุ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจน อิลาสติน และเนื้อผิวใหม่ (Proteoglycans) ทำให้ผลเป็นธรรมชาติ แต่อยู่ได้นานถึง 2 ปี
คนทั่วไปเข้าใจว่าฉีด Radiesse ทำเพียง 1 ครั้ง อยู่ได้นาน 2 ปีไม่ต้องฉีดกระตุ้น เหมือน Sculptra แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนไข้ที่ฉีด Radiesse รุ่นเดิมไป จะรู้สึกผลลดลงที่ 2-3 เดือนหลังฉีด จำเป็นต้องมาฉีดซ้ำ ในขณะที่ Radiesse Plus มีตัวยาที่เข้มข้นกว่าและสลายช้า จึงให้ผลที่นานกว่าเรเดียสรุ่นเดิม
Radiesse Plus แตกต่างจากสารเติมเต็มอื่นๆ ตรงที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวหนัง ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ยาวนานกว่า โดยทั่วไปผลลัพธ์จาก Radiesse Plus จะคงอยู่ได้นานถึง 18 เดือน ในขณะที่สารเติมเต็มอื่นๆ อาจคงอยู่ได้เพียง 6-12 เดือนเท่านั้น
ตัวยานี้ได้รับการรับรองในการแก้ปัญหาขาดวอลลุ่มและคอลลาเจนใต้ตา โดยปกติสัดส่วนการใช้ยาจะอยู่ที่ปัญหาแต่ละบุคคล ส่วนใหญ่จะลงน้ำหนัก ด้านข้างจองใบหน้า : ส่วนกลางของใบหน้า (รวมใต้ตา) 70:30
แม้ว่า Radiesse Plus จะถือว่าปลอดภัยและได้รับการรับรองจากหลายองค์กรทั่วโลก แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเช่น อาการบวม แดง หรือเจ็บบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วัน นอกจากนี้การฉีดสารในบริเวณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงกว่าได้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการรักษา
บริเวณที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีด Radiesse Plus ได้แก่:
• Glabella (ระหว่างคิ้ว)
• Nose (จมูก)
• Lips (ริมฝีปาก)
• Perioral Lines (รอบปาก)
การฉีดในบริเวณเหล่านี้อาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์
ใช้ 1-3 กล่องต่อคน ต่อครั้ง ขึ้นกับปัญหาของใบหน้าแต่ละบุคคล