ฟิลเลอร์ใต้ตา

เผยเคล็ดลับ เปลี่ยนใต้ตาดำ ใต้ตาคล้ำ ให้ดูดีขึ้นด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา

คนเราย่อมอยากดูดีในทุกๆ วัย แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความหย่อนคล้อยและร่องรอยของวัยก็เริ่มปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะความหย่อนคล้อยบริเวณรอบดวงตา เพราะเป็นจุดที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุด หลายๆ คนอาจประสบกับปัญหา ร่องตาลึก ใต้ตาดำคล้ำ ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำไม่สดใสและดูแก่เกินวัย การแก้ปัญหาโดยการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา จึงกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยคืนความมั่นใจให้กับผู้ที่มีปัญหาดังกล่าว บทความนี้จึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร? ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการรักษา? เทคนิคการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ พร้อมข้อควรรู้ต่างๆ ที่ทุกคนไม่ควรพลาด

Table of Contents
รู้จักฟิลเลอร์ใต้ตา

ทำความรู้จัก! ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ตัวช่วยแก้ปัญหาใต้ตาที่เห็นผลเร็ว

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือการเติมสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า HA ซึ่งเป็นสารเติมเต็มผิวสังเคราะห์ เข้าไปแทนที่คอลลาเจนและไฮยาลูรอนที่สูญเสียไปตามธรรมชาติ เพื่อปรับให้ร่องลึกใต้ดวงตาตื้นขึ้น ใบหน้าดูสดใส ลดความหมองคล้ำใต้ดวงตา โดยฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยแก้ไขปัญหา เช่น

  • ขอบตาดำ – ผิวใต้ตาหมองคล้ำจากอายุที่มากขึ้น จากพันธุกรรม หรือจากความเครียดสะสมและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ทำให้ใบหน้าดูโทรมและหมองคล้ำ
  • เบ้าตาลึก – เนื้อเยื่อรอบดวงตาที่สูญเสียไปเรื่อยๆ ตามอายุที่มากขึ้น ทำให้บางคนประสบปัญหาเบ้าตาลึก ตาโหล ผิวหนังรอบดวงตายุบตัวลง ดูไม่สดใส
  • ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย – ปัญหาที่พบได้ตั้งแต่อายุยี่สิบต้นๆ และเด่นชัดขึ้นตามอายุ ความเต่งตึงของผิวหนังที่ลดลงทำให้ถุงไขมันใต้ดวงตาหย่อนคล้อยมากขึ้น จนปูดนูนเห็นได้ชัด ทำให้รอบดวงตาดูอ่อนล้าและแก่กว่าวัย   
  • ริ้วรอยใต้ดวงตา – คอลลาเจนและความชุ่มชื้นของผิวที่ลดลงตามวัย ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น และทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา
สาเหตุใต้ตาคล้ำ

ปัญหาใต้ตาดำคล้ำเกิดจากอะไร

ปัญหาใต้ตาดำคล้ำ เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ จนหลาย คนต้องหาผลิตภัณฑ์หรือลงทุนซื้อเครื่องสำอางราคาแพง มาใช้เพื่อแก้ปัญหา มาดูกันก่อนว่าปัญหาใต้ตาคล้ำนั้นสามารถเกิดจากอะไรได้บ้าง เพื่อที่ทุกคนจะได้สามารถหาทางรับมือกับปัญหากวนใจนี้ได้อย่างถูกวิธี

  • พันธุกรรม – ลักษณะขอบตาคล้ำมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ หากคนในครอบครัวมีโครงหน้าหรือเบ้าตาลึก แน่นอนว่ายิ่งเพิ่มโอกาสในการทำให้ขอบตาดูดำคล้ำมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเชื้อชาติ เช่น ชาวอินเดีย หรือ ชาวอาหรับ ที่มักจะมีลักษณะขอบตาที่คล้ำโดยธรรมชาติ  
  • อายุ – เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังรอบดวงตาสูญเสียคอลลาเจน กล้ามเนื้ออ่อนล้าลง และเกิดการยุบตัวของกระดูกและไขมัน ทำให้เกิดร่องลึกและริ้วรอยบนใบหน้า และทำให้ตาดูหมองคล้ำมากยิ่งขึ้น
  • การใช้สายตามากเกินไป การเพ่งหน้าจอโทรศัพท์ การใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ทั้งในเวลากลางวันหรือกลางคืน ทำให้เกิดอาการตาล้า ซึ่งทำให้เส้นเลือดรอบดวงตาขยายตัวขึ้น และส่งผลให้ดวงตาดูหมองคล้ำมากยิ่งขึ้น
  • นอนหลับพักผ่อนไม่เพียง ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือด และส่งผลเสียต่อการทำงานของร่างกายโดยรวม นอกจากนี้ความเครียดที่เกิดขึ้นจากการอดหลับอดนอนจะกระตุ้นการทำงานของเม็ดสี (Melanin) รอบดวงตา ทำให้ตาดูคล้ำเสียได้
  • โรคบางชนิด ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ มีโอกาสที่จะเกิดขอบตาคล้ำได้ เนื่องจากอาการภูมิแพ้จะทำให้หลอดเลือดรอบดวงตาขยายตัว และมักมีอาการคันและระคายเคืองร่วมด้วย ทำให้ต้องขยี้ตาบ่อยๆ ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นให้ผิวบริเวณรอบดวงตาดำคล้ำมากยิ่งขึ้น
  • การถูกแสงแดดเป็นเวลานาน ผิวใต้ดวงตานั้นเป็นผิวที่ค่อนข้างบอบบาง การถูกแสง UV จากแสงแดดเป็นเวลานานจะกระตุ้นให้เมลานินทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ใต้ตาดูคล้ำลงนั่นเอง
  • ถุงใต้ตา ถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อยและป่องออกมานั้น จะทำให้เกิดร่องเงาใต้ตา ทำให้ตาดูเหี่ยวย่นและคล้ำกว่าความเป็นจริง
ใครเหมาะกับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?

การเติมฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการแก้ปัญหารอยหมองคล้ำใต้ดวงตา ที่เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที จึงเหมาะกับผู้ที่:

  • มีปัญหาผิวใต้ดวงตาหมองคล้ำ ร่องตาลึก ริ้วรอยใต้ตาเหี่ยวย่น
  • ต้องการแก้ปัญหารอบดวงตา ที่เห็นผลลัพธ์ได้เร็วโดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ไม่ต้องการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
  • ไม่สามารถลางานเพื่อมารักษาด้วยวิธีอื่นได้
  • ต้องการเสริมความมั่นใจให้กับตัวเอง โดยการแก้ปัญหาบนใบหน้าแบบเฉพาะจุด

อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจไม่เหมาะกับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ มีภาวะเลือดหยุดไหลยาก มีโรคติดต่อ หรือเคยมีประวัติการแพ้ฟิลเลอร์ และก่อนที่จะทำการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสม และสามารถทำได้อย่างปลอดภัย

การดูแลตัวเองก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

แนวทางการเตรียมตัวก่อน และดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดร่วมกันสามารถทำได้และมีผลลัพธ์ที่ส่งเสริมกัน ทั้งในเรื่องความฉ่ำของผิวและการฟื้นฟูคอลลาเจนในระยะยาว สามารถหวังผลให้เรื่องความอิ่มน้ำ ผิวเล่นแสง รูขุมขนที่กระชับแน่นขึ้น แลดูเรียบเนียน หรือหากต้องการฉีดแยกกันก็สามารถทำได้และได้ผิวที่สุขภาพดีเช่นกัน แต่อาจจะพิจารณาถึงปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไขเป็นหลัก

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการและศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับฟิลเลอร์อย่างถี่ถ้วน
  • หากมีโรคประจำตัว โรคติดต่อ กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือมีประวัติแพ้ยาควรทำการแจ้งแพทย์ก่อน
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 1 สัปดาห์ ควรงดรับประทาน วิตามินอี น้ำมันปลา คอลลาเจน สารสกัดแปะก๊วย (กิงโกะ) ยาลดการแข็งตัวของเลือด ยาที่ผลัดเซลล์ผิว และยาแก้ปวดบางชนิด เช่น แอสไพรินและยาในกลุ่ม NSAIDs รวมถึงยาที่ทำให้เลือดหยุดยาก 
  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา 3 วัน งดนวดเลเซอร์และนวดผิวหน้า
  • ก่อนฉีด 1 วัน งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ งดใช้ห้องสตีม ซาวน่า และงดออกกำลังกายแบบ Cardio

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

  • หลังทำเสร็จควรกินยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด และยาลดบวม ตามคำแนะนำของแพทย์
  • หากมีอาการบวม สามารถใช้การประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวมได้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหนุนหมอนสูงเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์เพื่อลดอาการบวมช้ำ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ของหมักดองและการสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนอย่างน้อย 48 ชั่วโมง เช่น การตากแดด ใช้ห้องสตีม ซาวน่า หรือ แม้แต่การรับประทานอาหารหน้าเตาร้อน
  • หลีกเลี่ยงการขยับและงดกิจกรรมที่อาจกระทบกับบริเวณที่ทำฟิลเลอร์ ในช่วง 3 วันแรกเพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
  • งดการสัมผัส แตะ แกะ เกา ในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ไหนดี ควรเลือกยี่ห้อไหน และราคาเท่าไหร่

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรทำการศึกษาข้อมูลของสถานที่ที่ต้องการเข้ารับบริการ เพื่อให้มั่นใจในผลลัพธ์และความปลอดภัย ที่ Waleerat Clinic มีแพทย์มากประสบการณ์ในระดับเอเชีย ที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลใบหน้าของลูกค้า และสามารถตรวจสอบได้ว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ทุกยี่ห้อนั้นเป็นของแท้ สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีแบรนด์ที่น่าสนใจอย่างเช่น

Restylane

หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงต้องระวังของปลอมเป็นพิเศษ มีทั้งหมด 8 รุ่น แต่รุ่นที่เหมาะกับการแก้ปัญหารอยคล้ำใต้ดวงตาได้แก่:

  • Restylane Refyne เป็นรุ่นที่มีไฮยารูลอนิกแอซิด 20 มิลลิกรัม เหมาะกับการแก้ปัญหารอยยับเล็กๆ อย่างรอยรอบดวงตา ซึ่งอยู่ได้นาน 12-15 เดือน
  • Restylane Vital light รุ่นนี้มีปริมาณไฮยารูลอนิกแอซิดน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ  โดยใช้ในการแก้ปัญหาหลุมสิว รอยใต้ตาคล้ำ รวมถึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า โดยสามารถอยู่ได้นาน 12 เดือน

Juvederm

แบรนด์คุณภาพจากอเมริกา ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยรุ่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำก็คือรุ่น Juvederm Volbella นิยมนำมาใช้ในการแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำและใต้ตาลึก รวมถึงช่วยเติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม โดยสามารถคงสภาพได้ยาวนานถึง 15 เดือน

Belotero

อีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยคุณภาพที่ดีเกินราคา และกล่องสีสันฉูดฉาด จนถูกตั้งชื่อเล่นว่า Colorful Filler ในส่วนของรุ่นที่เหมาะในการใช้เป็นฟิลเลอร์ใต้ตาคือรุ่น Belotero Soft (กล่องสีเหลือง) เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าดูใส มีน้ำมีนวล อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว ลดรอยคล้ำใต้ตาและลดริ้วรอยเล็กๆ ได้เป็นอย่างดี

ปัญหาใต้ตาคล้ำแก้ยังไงได้บ้าง

นอกจากฉีดฟิลเลอร์แล้ว วิธีรักษาปัญหาใต้ตาดำคล้ำสามารถทำได้อย่างไรบ้าง

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเป็นวิธีการแก้ปัญหารอยคล้ำเสียใต้ตาที่เห็นผลดีเยี่ยม แต่หากรู้วิธีการบำรุงรักษาและดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี จะยิ่งช่วยให้ผิวใต้ตามีสุขภาพดี และดูเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น 

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนนั้นไม่ได้แก้ไขเรื่องปัญหารอบดวงตาเท่านั้น แต่ยังช่วยในเรื่องของสุขภาพโดยรวมด้วย การนอนหลับนั้นทำให้ดวงตาและเส้นเลือดรอบๆ ดวงตาได้พักผ่อนและลดอาการอ่อนเพลีย ซึ่งช่วยทำให้ใบหน้าดูสดชื่นขึ้น โดยควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวันเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย และช่วยบำรุงสายตา หมั่นดูแลสุขภาพโดยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ และเลือกทานผัก ผลไม้ ที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ การทานอาหารที่มีประโยชน์ทำให้ผิวแข็งแรง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ซึ่งสามารถช่วยลดความหมองคล้ำบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี
  • การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงดวงตา ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตาออกมาให้เลือกใช้มากมาย เช่น ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ Whitening หรือ Eye mask ที่มีส่วนผสมเป็นสารสกัดมาจากธรรมชาติ เช่น มะเขือเทศ แตงกวา หรือว่านหางจระเข้ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ หากใช้อย่างสม่ำเสมอแล้วก็สามารถช่วยปรับสภาพผิวรอบดวงตาให้ดูสดใสมากขึ้นได้เช่นกัน
ฟิลเลอร์ใต้ตา vs หัตถการอื่น

เปรียบเทียบให้ชัด! ฟิลเลอร์ใต้ตา และหัตถการอื่นๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ เลือกแบบไหนดี?

ปัจจุบันมีทรีตเมนต์หลากหลายรูปแบบเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาใต้ตาคล้ำเสีย จะมีรูปแบบไหนบ้าง และควรเลือกแบบไหนดี พร้อมแล้วไปดูกันเลย

การฉีดเมโส

การฉีดเมโส หรือการทำ Mesotherapy นั้น เป็นทรีตเมนต์บำรุงผิว โดยการฉีดวิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง ช่วยเพิ่มคอลลาเจน ขับสารพิษสะสม และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมใช้ในการแก้ปัญหาผิวใต้ตาคล้ำเสีย ด้วยการทำเมโสหน้าใส

ทั้งเมโสและฟิลเลอร์ต่างก็เป็นทางเลือกที่ดีในการแก้ปัญหารอยคล้ำใต้ตา แต่ข้อแตกต่างหลักอยู่ที่ความเหมาะสมในการใช้งาน โดยเมโสนั้นจะได้ผลดีในการแก้ปัญหารอยคล้ำและริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดขึ้นเพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือผิวขาดการบำรุงอย่างถูกต้องจนคล้ำเสีย ช่วยแก้ปัญหาหน้าโทรมและหมองคล้ำได้เป็นอย่างดี โดยยี่ห้อที่มักจะได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ FILORGA ในขณะที่ฟิลเลอร์นั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาให้กับผู้ที่ตาหมองคล้ำจากปัญหาถุงใต้ตา ตาโหล เบ้าตาลึก ได้ด้วย

ร้อยไหม

การร้อยไหมใต้ดวงตา เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมใช้เพื่อแก้ปัญหาใต้ตาหมองคล้ำ โดยที่ Waleerat Clinic ใช้เทคนิคการร้อยไหม Pailin ไหมชนิดพิเศษ ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อใหม่ (Cell Regeneration) โอบล้อมเส้นไหม ทำให้ริ้วรอยและร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้นอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าทั้งการร้อยไหมและการเติมฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถช่วยเรื่องของผิวใต้ตาคล้ำเสียได้เหมือนกัน แต่ข้อแตกต่างหลักจะอยู่ที่จุดประสงค์และเป้าหมายที่ต้องการ เพราะการร้อยไหมนั้น เน้นไปที่การยกกระชับ ช่วยแก้ปัญหาสำหรับอาการหย่อนคล้อยใต้ตาได้ดี แต่หากต้องการเติมร่องลึก แก้ปัญหาตาโหล หรือเติมผิวใต้ตาให้ดูอิ่มเอิบมากขึ้น การใช้ฟิลเลอร์เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า 

ผ่าตัดถุงใต้ตา

สำหรับบางคนอาจเกิดปัญหาหน้าโทรมหรือผิวใต้ตาดูคล้ำเสียจากปัญหาถุงใต้ตาป่องนูน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนเมื่อมีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับพันธุกรรม มีความเครียดสะสม หรือพักผ่อนน้อย ซึ่งสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้โดยการผ่าตัดถุงใต้ตา วิธีการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีต้นตอของปัญหาใต้ตาหมองคล้ำจากถุงใต้ตาเท่านั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำจาก โครงหน้า เบ้าตาลึก ตาโหล หรือ ริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นใต้ดวงตาได้ ซึ่งแตกต่างกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงควรเลือกใช้ทั้งสองวิธีให้เหมาะสม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือการเติมสารไฮยาลูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า HA ซึ่งเป็นสารเติมเต็มผิวสังเคราะห์เข้าไปแทนที่คอลลาเจนและเนื้อเยื่อที่สูญเสียไปตามธรรมชาติ เพื่อปรับให้ร่องลึกใต้ดวงตาตื้นขึ้น ใบหน้าดูสดใส ลดความหมองคล้ำใต้ดวงตา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น หากเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองและทำหัตถกรรมโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ความอันตรายค่อนข้างต่ำ แต่อาจเกิดอันตรายขึ้นได้ ในกรณีที่ผู้ใช้เกิดอาการแพ้ หรือการทำหัตถกรรมโดยผู้ที่แอบอ้างเป็นแพทย์หรือแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ฉีดสารเข้าไปผิดจุด จนเกิดอันตรายกับดวงตาถึงขั้นตาบอดได้

นอกจากใต้ตา ฟิลเลอร์สามารถฉีดที่ส่วนไหนได้บ้าง

ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาจุดบกพร่องต่างๆ บนใบหน้า สามารถใช้ได้กับหลายส่วน โดยบริเวณที่ได้รับความนิยมได้แก่ หน้าผาก ร่องแก้ม ริมฝีปาก คาง และขมับ เป็นต้น

ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาบ้าง

ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับผู้ที่:

  • มีปัญหาผิวใต้ดวงตาหมองคล้ำ ร่องตาลึก ริ้วรอยใต้ตาเหี่ยวย่น
  • ต้องการแก้ปัญหารอบดวงตา ที่เห็นผลลัพธ์ได้เร็วโดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ไม่ต้องการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
  • ต้องการเสริมความมั่นใจให้กับตัวเอง โดยการแก้ปัญหาบนใบหน้าแบบเฉพาะจุด

หากปล่อยให้ใต้ตาดำคล้ำจะมีผลเสียหรือไม่ อย่างไร

ปัญหาใต้ตาคล้ำเสียทำให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนเพลีย ดูไม่สดใส ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบุคลิกและความมั่นใจ หรือหากเป็นปัญหาตาคล้ำเสียที่เกิดขึ้นจากการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือการมีความเครียดสะสม อาจมีอันตรายต่อสุขภาพได้ในระยะยาว ดังนั้นเพื่อสุขภาพและบุคลิกที่ดีจึงควรใส่ใจสุขภาพและหมั่นดูแลร่างกายให้ดูดีอยู่เสมอ 

Waleerat Clinic
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.