อ่านที่เดียวจบ ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับร้อยไหม ล่าสุดปี 2023
ร้อยไหม คือ เทคนิคที่ของกระบวนการปรับรูปใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับคนที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอยบนใบหน้า อันเป็นผลลัพธ์จากการเปลี่ยนแปลงไปตามวัย
การร้อยไหมจะเข้ามาช่วยยกกระชับ ฟื้นฟูสภาพผิว ลดเลือนริ้วรอย รวมถึงปรับรูปหน้าให้ดูเรียว อ่อนเยาว์ขึ้น
มารู้จักการร้อยไหม
นวัตกรรมสวยเรียวได้แบบไม่ต้องผ่าตัด
ร้อยไหม เป็นการเอาเส้นไหมมาร้อยเป็นเครือ ณ บริเวณใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวบริเวณที่ทำการร้อยนั้น เกิดการอักเสบ นำไปสู่การสร้างเส้นเลือดใหม่ กระตุ้นเซลล์ผิวสร้างเส้นใยของคอลลาเจนขึ้นมา ทำให้ใบหน้ายกกระชับ เรียวได้รูปขึ้น
ร้อยไหมช่วยฟื้นฟูสภาพของผิว โดยไม่จำเป็นที่จะต้องผ่าตัด ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมที่มีความรวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนหลังทำ
ไหมที่ได้รับความนิยมในการร้อยไหมนั้นจะเป็นไหมละลาย มีคุณสมบัติย่อยสลายได้ผ่านกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย โดยตัวไหมนั้นจะมีความสามารถในการสลาย ภายใน 8 เดือน โดยที่ไม่มีสารตกค้างในชั้นผิว
ผลลัพธ์การร้อยไหม หลังจากที่ทำการร้อยไหมเสร็จจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที 30% และจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ความกระชับและเข้ารูปของใบหน้าได้ชัดเจนยิ่ง หลังจากที่ผิวเข้าที่ 3 เดือนโดยประมาณ ซึ่งผลของความยกกระชับเข้ารูปนั้น
ร้อยไหมสามารถอยู่ได้ประมาณ 2 ปีขึ้นไป โดยผลลัพธ์ที่ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
เลือกหัวข้อที่คุณสนใจ
ร้อยไหมบริเวณไหนได้บ้าง
ร้อยไหมใบหน้า
ร้อยไหมใบหน้าช่วนให้หน้าเรียว ยกกระชัให้หน้าเด็ก สามารถยกร่องแก้ม แก้หน้าตอบ เก็บเหนียง รักษาฝ้า-กระ และยกมุมปาก
ร้อยไหมตา
ร้อยไหมยกหางตา ยกคิ้ว เติมเต็มร่องน้ำตา
ร้อยไหมคอ
ร้อยไหมยกกระชับคอ ลดเส้นคอที่เป็นชั้น
ร้อยไหมจมูก
ร้อยไหมยกสันจมูก เสริมจมูก และปีกจมูก
ร้อยไหมหน้าอก
ร้อยไหมยกกระชับหน้าอก ปรับทรงให้ดูอ่อนเยาว์
การร้อยไหม vs ฉีดไหม
แตกต่างกันไหม
ร้อยไหม คือเทคนิคการกระตุ้นให้เซลล์ผิวหน้าสร้างคอลลาเจนขึ้นมา ให้ได้ผิวหน้าที่อ่อนเยาว์และกระชับมากขึ้น โดยใช้วิธีร้อยไหมเข้ากับใบหน้าเพื่อให้เกิดการกระตุ้นดังกล่าว
ฉีดไหม นั้นเป็นเทคนิคกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังผลิตคอลลาเจนเพื่อให้ได้ผิววัยเยาว์ ไม่หย่อนคล้อย กระชับรูปใบหน้าเช่นเดียวกันกับการร้อยไหม แต่วิธีที่ใช้นั้น จะฉีดไหมที่เคลือบด้วยยาสลายไขมันเข้าไปบริเวณผิวใบหน้า เพื่อสลายเซลลูไลท์หรือไขมันส่วนเกินในบริเวณที่เราต้องการ นับว่าาเป็นอีกหนึ่งกรรมวิธียกกระชับ คืนความเยาว์ให้ใบหน้าโดยไม่ทิ้งสารอันตรายตกค้างภายในร่างกาย
นอกจากการฉีดไหมแล้ว ยังมีการฉีดไหมน้ำเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพิ่มเติม
ฉีดไหมน้ำ คือ การเติมเต็มผิวหน้า ซึ่งการฉีดไหมน้ำนั้นสามารถฉีดเพื่อแก้ไขปัญหาจุดต่างๆ ได้แทบทุกบริเวณบนใบหน้า
ผลลัพธ์ที่ได้หลังการฉีดไหมน้ำคอลลาเจนนั้น คือ ผิวกระชับ ริ้วรอยลดลง แก้ไขริ้วรอยและความหมองคล้ำใต้ตา รวมไปถึงปัญหาร่องแก้มลึก ส่งผลให้บริเวณใต้ตาและผิวพรรณบนใบหน้าอิ่มเอิบ แลดูสดชื่น เปล่งปลั่ง และมีมิติมากขึ้น
เปรียบเทียบระหว่างการร้อยไหมและการฉีดไหม
เหมือนกัน คือ สามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิว ทำให้ผิวเรามีความกระชับยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด และช่วยกระตุ้นผิวหนังในการสร้างคอลลาเจน ขึ้นมาใหม่
ความแตกต่างระหว่างร้อยไหมกับฉีดไหม
คือ วิธีในการรักษาปัญหาผิวหน้านั่นเอง ซึ่งการร้อยไหมจะใช้เทคนิควิธีการการร้อย ไหมบริเวณใต้ผิวหนัง
ส่วนการฉีดไหม จะเป็นการฉีดไหมที่มีการเคลือบด้วยตัวยาสลายไขมันเข้าไปในผิว เพื่อทำการสลายไขมันส่วนเกินในบริเวณที่เราต้องการนั่นเอง
การร้อยไหมเหมาะกับใคร
เหมาะ
เหมาะกับคนที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ที่ต้องการดูแลรักษาความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ รวมถึงริ้วรอยเหี่ยวย่นบน ใบหน้า ต้องการยกกระชับทันที
ไม่เหมาะ
ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง หรือผิวหนังติดเชื้อบริเวณรูเปิดไหม มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่เกินไป และเคยฉีดสารเหลวหรือซิลิโคนเหลวบนบริเวณใบหน้า
นอกจากนี้ กรณีที่มีไขมันบริเวณแก้มเยอะเกินไปก็ถือว่าไม่เหมาะที่จะร้อยไหม ควรรับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้น เช่น ฉีดสลายไขมัน หรืออื่นๆ ก่อนเข้ารับบริการหัตถการ
การร้อยไหมอันตรายไหม? มีข้อดี - ข้อเสียอะไรบ้าง?
ข้อดีของการร้อยไหม
• เห็นผลทันทีหลังทำ
• ไม่ต้องพักฟื้น
• ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
• ปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง
• ปรับรูปหน้า ให้สมดุล แก้ปัญหา
• ใบหน้าหย่อนคล้อยแก้มตอบ ร่องแก้ม
ข้อเสียของการร้อยไหม
• ร้อยไหมแล้วหน้าเบี้ยว
• ร้อยไหมแล้วหน้าเป็นรอยบุ๋ม
• ร้อยไหมแล้วหน้าเป็นคลื่น
• ร้อยไหมแล้วโหนกแก้มใหญ่
• ร้อยไหมแล้วเป็นพังผืด
• ร้อยไหมแล้วเป็นหนอง
• ร้อยไหมแล้วไหมขาด ไหมทะลุ
ไหมมีกี่ชนิด ลักษณะหน้าตาของไหมแต่ละชนิด
ไหมที่ใช้สำหรับการร้อยไหมนั้น ปัจจุบันจะมีด้วยกันอยู่ 2 แบบ คือ ไหมไม่ละลาย และไหมละลาย
ไหมที่คลินิกส่วนใหญ่เลือกใช้นั้นเป็นไหมละลาย เพราะเป็นไหมที่รับรองได้ว่าปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ไม่ทิ้งสารตกค้างอันตรายหรือกระตุ้นภาวะแทรกซ้อน ซึ่งไหมทั้ง 2 แบบมีลักษณะแตกต่างกัน ดังนี้
เป็นเส้นไหมละลายที่มีลักษณะเป็นเงี่ยงยื่นออกมา ช่วยเกี่ยวผิวให้ยกกระชับขึ้น ซึ่งไหมเงี่ยงนั้น เป็นไหมที่มีชื่อเรียกหลากหลาย ตามขนาดของไหมที่มีหลายขนาดแตกต่างกันออกไป เช่น ไหมก้างปลา ไหมเงี่ยงกุหลาบ ไหมทอร์นาโด
ที่เราคุ้นหูกัน ก็ล้วนอยู่ในหมวดของไหมเงี่ยงทั้งสิ้น ซึ่งชื่อเหล่านี้นั้นเป็นชื่อทางการค้าที่สร้างสรรค์เพื่อความแตกต่างกัน โดยตัวอย่างชื่อเรียกแต่ละแบบของไหมเงี่ยง มีดังนี้
• ไหมก้างปลา
• ไหมเงี่ยงกุหลาบ
• ไหมทอร์นาโด
• ไหมปากฉลาม
• ไหมปิรันย่า
• ไหมจระเข้
• ไหมมังกร
• ไหมทับทิม
• ไหม double-lock
ไหมคอลลาเจนจริงๆ นั้น คือ ไหมเรียบ ตัวไหมชนิดนี้จะเน้นใช้ร้อยเพื่อสร้างคอลลาเจน จึงเป็นที่มาของชื่อไหมคอลลาเจนนั่นเอง
ซึ่งปริมาณของไหมที่ต้องใช้ร้อยเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนนั้น ใช้ได้ปริมาณ 20-40 เส้น
เป็นเส้นไหมละลายที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความแข็งแรง สามารถทนแรงต้านได้ดีกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า เพราะการใช้ไหมตาข่าย 1 เส้น เทียบเท่ากับ การร้อยไหม 2 เส้น จึงมีจุดเด่นในเรื่องการยกกระชับ และพยุงผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี อีกทั้งยังเป็นไหมที่ผ่านการรับรองจาก CE Approved (European Conformity)
เป็นไหมที่ผลิตจากการนำวัสดุ PLLA และ PCL มาผสมร่วมกัน ซึ่ง PLLA หรือ Poly-L-Lactic Acid นั้น มีจุดเด่นเรื่องประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน ส่วนไหม PCL หรือ Polycaprolactone นั้น มีจุดเด่นเรื่องการคงอยู่ของไหมที่ยาวนานกว่าไหมละลายชนิดอื่น โดยไหมตัวนี้จะอยู่ได้ถึง 18-24 เดือนหลังผ่านกระบวนการร้อยไหม
ดังนั้น เมื่อรวมประสิทธิภาพของไหม PLLA และ ไหม PCL เข้าด้วยกัน จึงทำให้ไหมอิตาลี เป็นไหมที่มีความยืดหยุ่น และอุ้มน้ำได้ดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างโดดเด่นและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานเมื่อเทียบกับไหมละลายตัวอื่น
นอกจากนี้ ไหมอิตาลียังมีลักษณะพิเศษที่ออกแบบให้เงี่ยงของเส้นไหมหันเข้าหากัน ช่วยให้ตัวไหมยึดติดกับใบหน้าได้ดี และทำให้ใบหน้ากระชับเห็นผลอย่างโดดเด่น ซึ่งประสิทธิภาพในการยึดเกาะใบหน้าของ
เส้นไหมอิตาลี 1 เส้น นั้น เทียบเท่ากับการร้อยไหมก้างปลากว่า 10 เส้นเลยทีเดียว จึงทำให้ไหมอิตาลีเป็นไหมที่มีจุดเด่นเรื่องใช้ปริมาณไหมน้อย แต่ยกกระชับใบหน้าได้ดีมากนั่นเอง
เป็นไหมละลายที่มีลักษณะคล้ายกรวยของไอศกรีม จึงเป็นเหตุให้เรียกไหมลักษณะนี้ว่าไหมกรวย ด้วยลักษณะที่เป็นกรวย และขนาดของไหม ทำให้ตัวไหมกรวยมีประสิทธิภาพการเกาะกับผิวและกระตุ้นคอลลาเจนได้ดียิ่งขึ้น
ตอบโจทย์ในการร้อยไหมเพื่อกระชับใบหน้าได้มากขึ้น อีกทั้งด้วยลักษณะของไหมที่มีกรวยเป็นองค์ประกอบนั้น สามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บของผิวหนังจากเส้นไหมบาดผิวได้มากขึ้น
เป็นไหมละลายที่มีลักษณะคล้ายไหมละลายเส้นเรียบ (ไหม PDO เส้นเรียบ) แต่มีลักษณะเหมือน 2 เส้น รวมกัน
ทำให้ดูคล้ายเกลียว ไม่เหมาะกับการยกกระชับ และอาจทำให้มีผลข้างเคียงเรื่องการบวมช้ำหลังร้อยไหมได้
หรืออีกชื่อก็คือ ไหมสามมิติ หมุน 360 องศา ไหมมิ้นท์เป็นไหมละลายที่ได้รับการพัฒนาประสิทธิภาพในการยกกระชับมากยิ่งขึ้น
ทั้งยังผ่านมาตรฐานจากทางอย. จึงรับประกันความปลอดภัยได้ โดยตัวเส้นไหมจะมีจุดเด่น คือ หมุนได้ 360 องศา ทำให้ยึดเกาะเนื้อเยื่อได้หลายทิศทาง อีกทั้งตัวไหมยังแข็งแรง ไม่เปราะง่าย เห็นผลลัพธ์ในการยกกระชับหน้าได้ดียิ่งขึ้น
ไหมทองคำ เป็นไหมชนิดแบบไม่ละลาย ที่อาจอันตราย และไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการร้อยไหมโดยทั่วไปเท่าไหร่นัก
ผู้ที่ร้อยไหมทอง ไม่สามารถเข้าเครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) หรือการตรวจเอกซเรย์ ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้ เนื่องจากทองคำเป็นโลหะ จะมีความร้อนสูง ทำให้ภายในไหม้ และทำให้หน้าผิดรูปจนเสียโฉมได้
ชนิดของเข็มที่ใช้ในการร้อยไหม
ในการร้อยไหม จะมีการใช้เข็มลักษณะต่างๆ เพื่อนำเส้นไหมเข้าสู่ชั้นผิว โดยตัวแพทย์ผู้ร้อยไหมนั้น ต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการเลือกใช้เข็มกับลักษณะการใช้งานให้เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมเลือดและบวมน้ำนั่นเอง
โดยเข็มแต่ละชนิดที่จะเลือกใช้เพื่อร้อยไหมนั้น มีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
เข็มแหลม
(Sharp Needle)
จะมีกลไกการตัดผ่านเนื้อคล้ายๆ การใช้มีดคมตัดแต่เจ็บน้อยกว่า บวมน้ำน้อยกว่าบวมเลือด โดยเส้นเลือดเล็กๆ ที่โดนตัดผ่าน จะสมานได้ไวกว่าการใช้เข็มทู่ แต่ถ้าตัวมีดโดนเส้นเลือดใหญ่
ก็จะมีโอกาสบวมเลือดได้ การใช้เข็มแหลมจึงต้องอาศัยประสบการณ์ และความระมัดระวังของศัลยแพทย์สูง
เข็มตัด
(Bullet-type Blunt)
เข็มตัดเป็นเข็มกึ่งแหลมกึ่งทู่ โดยตัวปลายเข็มมีลักษณะคล้ายหลอด มีความคมแต่ไม่ได้แหลมเท่าเข็มแหลม
เข็มทู่
(W-type Blunt)
การใช้เข็มชนิดนี้ในการร้อยไหมนั้น อาจจะมีโอกาสเกิดการบวมน้ำได้ ลักณะรอยเมื่อเข็มผ่านเนื้อจะอยู่ในลักษณะฉีกออกคล้ายๆ การใช้มีดทื่อตัด ตัวเข็มทู่สามารถหลบเส้นเลือดใหญ่
แต่ยังสามารถตัดเส้นเลือดเล็กให้ขาดได้ ในการร้อยไหมจะใช้เข็มทู่ที่ใหญ่กว่าเข็มทู่ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์
เข็ม L
(L-type Blunt)
เป็นเข็มที่ได้รับการพัฒนาต่อจากเข็มตัดอีกขั้น ส่วนปลายของเข็มจะแหลมกว่าเข็มตัด สามารถช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำในบริเวณที่รักษาได้ยาก
จึงเหมาะกับการฝึกหรือใช้รักษาในจุดเสี่ยงต่อผลข้างเคียงได้
บริการร้อยไหมของ Waleerat Clinic
มีอะไรบ้าง
ร้อยไหมหน้าเรียว ONYX เป็นการร้อยไหม เข้าไปสู่ใต้ชั้นผิวด้วยไหมวัสดุเกรดพรีเมี่ยม จะค่อยเข้าไปอยู่ใต้ชั้นผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และสลายไขมัน ช่วยพยุงใบหน้าไม่หย่อนคล้อย ทำให้หน้าแลดูตึงกระชับ คงความสวยแบบวัยเยาว์
ร้อยไหมก้างปลา Emerald เป็นบริการร้อยไหมเพื่อแก้ปัญหาผิวเหี่ยวย่น ด้วยตัวไหมมรกต (Emerald) ที่ออกแบบพิเศษให้มีเส้นขนาดใหญ่ และมีเงี่ยงไหมที่มีลักษณะเว้าลึก ได้มิติของมรกต เพิ่มผิวสัมผัส ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ร้อยไหมก้างปลาเป็นตัวที่มีความทนทานสูงสุด ช่วยกระชับใบหน้าด้วยประสิทธิภาพในการดึงเนื้อเยื่อใต้ผิวและการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนของไหมพิเศษตัวนี้
ร้อยไหมยกกระชับ Grand Diamond เป็นการร้อยไหม ด้วยไหมวัสดุเกรดพรีเมี่ยม เพื่อกระตุ้นให้การสร้างคอลลาเจนให้ยังคงอยู่แม้ไหมจะละลายไปแล้ว และสามารถสลายไขมันได้
ตัวไหมจะทำงานในผิวใบหน้าชั้น SMAS เสมือนเป็นตาข่ายตรึงเซลล์ผิว ช่วยประคองใบหน้าไม่ให้หย่อนคล้อย ยกกระชับใบหน้าให้สวยและดูอ่อนเยาว์
การร้อยไหม V-O-LINE คือ เป็นวิธีการยกกระชับใบหน้าที่ผนวกการวิเคราะห์เพิ่มเพื่อเน้นการแก้ไขปัญหากรอบหน้าและ เหนียง ไขมันใต้คางโดยเฉพาะ โดยตัว V นั้น มาจากการกระชับกรอบหน้าตามแนวกราม (V Triangle Lifting) ส่วน O นั้น มาจาก Zero Fat หรือการสลายไขมันใต้คางให้เหลือเป็นศูนย์
ส่วน Line ใน V-O-Line นั้น ก็คือ ไหม PDO คริสตัลสีม่วง ออกแบบพิเศษโดยทาง Waleerat Clinic ที่จะช่วยให้การร้อยไหมเห็นผลจริง และปรับโครงหน้าให้เข้ารูปชัดมากยิ่งขึ้น การันตีด้วยผลการวิจัยรับรองประสิทธิภาพของไหม PDO จาก National Institutes of Health (NIH)
ขั้นตอนการร้อยไหม
การร้อยไหม ช่วยให้ใบหน้ากระชับและดูดีขึ้น
ซึ่งสิ่งที่ผู้ที่ร้อยไหมควรเตรียมตัว ดังนี้
1. วิเคราะห์โครงหน้าและบริเวณในการร้อยไหม
2. จัดเตรียมผิวหน้าก่อนเริ่มร้อยไหม
• ทำความสะอาดผิวหน้า ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อเตรียมผิวหนังบริเวณใบหน้าให้ปราศจากเชื้อ พร้อมสำหรับการร้อยไหม ดังนั้น จึงไม่ควรจับใบหน้าหลังการฆ่าเชื้อ เพราะทำให้เชื้อโรคปนเปื้อนได้
• ฉีดยาชา โดยจะฉีดตัวยาชาเข้าไปใต้ผิวหนังตามแนวไหมที่จะร้อย คนไข้จะรู้สึกแสบเล็กน้อยจากตัวยาชา ใช้เวลาออกฤทธิ์ประมาณ 5 นาที แล้วจึงเริ่มกระบวนการร้อยไหม
• วาดจุดบนใบหน้า เนื่องจากผู้เข้ารับบริการมีเงื่อนไข ลักษณะใบหน้า หรือปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ทางศัลยแพทย์จึงต้องประเมินเพื่อวิเคราะห์แนวทางและวิธีการรักษา
การวาดจุดบนใบหน้าเพื่อวางแผนแก้ปัญหาอย่างตรงจุด โดยแนวการวางไหมพื้นฐานแล้วจะเริ่มต้นที่ 4 เส้น แบ่งเป็นข้างละ 2 เส้น และจะปรับไปตามปัญหา และรูปหน้าของคนไข้
3. กระบวนการร้อยไหมและการปิดแผล
แพทย์จะค่อยๆ ใส่เส้นไหมเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง SMAS ทีละเส้น ตามแนวไหมที่ประเมินไว้ คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บเนื่องจากฤทธิ์ของยาชา จะมีเพียงความรู้สึกตึงเล็กน้อยจากการร้อยไหม
เมื่อแพทย์ร้อยไหมตามแนวไหมที่ประเมินไว้จนเสร็จสิ้นแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายของการร้อยไหม คือทำการตัดไหม หรือในไหมบางชนิดจะมีการผูกปมไหม ซึ่งเมื่อตัดปลายไหมออก จะไม่เห็นเส้นหรือปมไหมแต่อย่างใด จากนั้นก็จะทำความสะอาดผิวหน้าและปิดพลาสเตอร์บริเวณรูไหมให้กับคนไข้ เป็นอันจบขั้นตอน
ทำไมถึงต้องร้อยไหมที่ Waleerat Clinic
อันดับ 1 เรื่องของการร้อยไหมในเอเชีย พร้อมด้วยแพทย์ที่เป็นอาจารย์สอนและได้รับรางวัลด้านร้อยไหมระดับเอเชีย ทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปีในด้านการร้อยไหมโดยเฉพาะ
พร้อมด้วยเครื่องมือ และความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานของคลินิกระดับสากล
ร้อยไหมที่ Waleerat Clinic ราคาแพงไหม?
ก่อน-หลังร้อยไหม
ดูแลตัวเองยังไงดี
ก่อนทำการร้อยไหม
• ศึกษาข้อมูล ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการร้อยไหมอย่างละเอียด เช่น การเลือกคลินิก การเลือกหมอ และเทคนิคในการทำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ปลอดภัย และช่วยลดความกังวล เกี่ยวกับผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
• งดการแว็กผิว การดึงขน กำจัดขน หรือทำกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่เป็นเหตุให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวเป็นเวลา 3 วัน ก่อนทำหัตถการ
• มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ หรือเตรียมข้อมูลยาที่กินเป็นประจำ เพื่อแจ้งกับศัลยแพทย์ก่อนที่จะทำหัตถการ
• งดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนเข้ารับหัตถการ เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายชนิด cardio
• งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชม. ก่อนเข้ารับบริการหัตถการดังกล่าว
ดูแลตัวเองหลังจากร้อยไหม
• เลี่ยงแตะจุดที่ผ่านการร้อยไหม รวมถึงการเกา การกดนวด ตรงผิวหนังบริเวณนั้นๆ ซึ่งอาการต่างๆ หลังทำการร้อยไหมนั้นจะค่อยๆดีขึ้น ภายใน 2-3 วัน
• ไม่ควรนวดหน้าแรงๆ ตรงบริเวณที่ร้อยไหม เป็นเวลา 2 เดือน
• กินยาฆ่าเชื้อ ในกรณีที่ไม่ได้กินยาฆ่าเชื้อก่อนเข้ารับบริการหัตถการ หลังทำควรรีบกินยาฆ่าเชื้อทันที
• งดหัตถการอื่นๆ เช่น การยิงเลเซอร์ หรือหัตถการใดๆ ที่ต้องใช้ความร้อนลงผิวชั้นลึก เป็นเวลา 1 เดือน
• งดหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรือมื้ออาหาร กิจกรรมที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อนๆ
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทุกชนิด
• งดอาหารรสจัด ไม่ว่าจะหวานจัดหรือเผ็ดจัด เพราะจะกระตุ้น กระบวนการอักเสบได้
• งดสูบบุหรี่ ในบุหรี่มีสารหลายชนิดที่ขยายหลอดเลือด อาจเป็นอันตรายได้
Before & After
รีวิวร้อยไหม
FAQ
โดยทั่วไปแล้ว หลังร้อยไหม ในช่วง 3-4 วันแรกจะบวมมากขึ้น และหลังจากนั้น อาการบวมจะเริ่มยุบลง จนเข้าที่ใน 14 วัน และเห็นผลชัดเจนในช่วงประมาณ 2 เดือน