Collagen Biostimulator

Radiesse vs SCULPTRA

Radiesse vs Sculptra แตกต่างกันอย่างไร?: คนรักงานผิวพรีเมียมเลือกแบบไหนดี?

Radiesse คือ อะไร

ส่วนประกอบและกลไกการทำงาน Radiesse เป็นฟิลเลอร์ที่ทำจากแคลเซียมไฮดรอกซีลาพาไทต์ (CaHA) ในสารเจล ส่วนประกอบนี้ไม่เพียงแค่ให้วอลลุ่มและการยกกระชับทันที แต่ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกายเมื่อเวลาผ่านไป อนุภาค CaHA สร้างโครงสร้างที่กระตุ้นให้ร่างกายของคุณผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผลลัพธ์ยาวนานขึ้น Radiesse จึงถือเป็นหนึ่งในตัวเลือก Collagen Biostimulator ที่มีประสิทธิภาพ

การใช้งานและประโยชน์ Radiesse ถูกใช้หลักในการ:

  • การปรับรูปหน้า: เพิ่มความโดดเด่นให้โหนกแก้ม คาง และแนวกราม

  • ลดริ้วรอย: รักษาริ้วรอยร่องแก้ม ริ้วรอยหุ่นเชิด และร่องแก้มก่อนขากรรไกร

  • ฟื้นฟูมือ: เพิ่มวอลลุ่มและทำให้ริ้วรอยบนหลังมือเรียบเนียนRadiesse hand

ความยาวนาน ผลลัพธ์ของ Radiesse สามารถอยู่ได้นานถึง 12 ถึง 18 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น บริเวณที่รักษาและการเผาผลาญผิวของแต่ละบุคคล

Sculptra คืออะไร

ทำความรู้จัก Sculptra

ส่วนประกอบและกลไกการทำงาน Sculptra ทำจากกรดโพลี-แอล-แลคติก (PLLA) ซึ่งเป็นสารที่เข้ากับร่างกายและย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่ให้ผลทันที 

Sculptra ทำงานโดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนเพื่อคืนปวอลลุ่มให้ใบหน้าในช่วงหลายเดือน การรักษาด้วย Sculptra ต้องการการฉีดหลายครั้งในระยะเวลาหลายเดือน Sculptra จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของ Collagen Biostimulator ที่มีประสิทธิภาพสูง

การใช้งานและประโยชน์ Sculptra เหมาะสำหรับ:

  • การคืนวอลลุ่ม: รักษาบริเวณที่มีการยุบตัว เช่น ขมับ แก้ม และใต้ตา

  • ลดริ้วรอย: รักษาริ้วรอยลึกและรอยพับรอบปากและจมูก

  • ปรับปรุงเนื้อผิว: เพิ่มความเนียนเรียบและความกระชับของผิวโดยรวม

ความยาวนาน ผลลัพธ์ของ Sculptra สามารถคงอยู่ได้นานถึงสองปีหรือมากกว่า ทำให้เป็นทางออกระยะยาวสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาลักษณะที่ดูอ่อนเยาว์

ผลลัพธ์ทันที vs. การปรับปรุงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่าง Radiesse และ Sculptra คือความเร็วที่เห็นผล Radiesse ให้วอลลุ่มและการยกกระชับทันที ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลเร็ว ในขณะที่ Sculptra ต้องใช้เวลาและการฉีดหลายครั้งในการเห็นผลอย่างเต็มที่

ส่วนประกอบ

  • Radiesse: แคลเซียมไฮดรอกซีลาพาไทต์ (CaHA) ในสารเจล

  • Sculptra: กรดโพลี-แอล-แลคติก (PLLA)

พื้นที่การใช้งาน

ทั้งสองฟิลเลอร์สามารถรักษาริ้วรอยบนใบหน้าได้ แต่ Radiesse ยังได้รับการรับรองจาก FDA สำหรับการฟื้นฟูมือ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ Sculptra ไม่มี

ความยาวนาน

Sculptra มักจะมีผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า โดยผลลัพธ์มักจะอยู่ได้นานถึงสองปีหรือมากกว่า เมื่อเทียบกับ Radiesse ที่อยู่ได้นาน 12 ถึง 18 เดือน

Radiesse vs. Sculptra ราคา: เปรียบเทียบราคา

เมื่อพิจารณาการฉีดฟิลเลอร์ ราคาถือเป็นปัจจัยสำคัญ ราคาของ Radiesse และ Sculptra สามารถแตกต่างกันไปตามหลายปัจจัย เช่น ปริมาณผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ บริเวณที่รักษา และประสบการณ์ของผู้ให้บริการ

ราคาของ Radiesse

 

Radiesse มักจะมีราคาต่อเข็ม โดยราคาอยู่ระหว่าง 22,000 ถึง 40,000 บาทต่อเข็ม จำนวนเข็มที่ต้องใช้จะขึ้นอยู่กับพื้นที่การรักษาและผลลัพธ์ที่ต้องการ

ราคาของ Sculptra

Sculptra มักจะมีราคาต่อขวด โดยแต่ละขวดมีราคาประมาณ 28,000 ถึง 35,000 บาท การรักษาครบชุดมักจะต้องใช้หลายขวด ทำให้การลงทุนเริ่มต้นสูงกว่า Radiesse อย่างไรก็ตาม ด้วยผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า Sculptra อาจให้ความคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่า

การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม: Radiesse หรือ Sculptra สาร เติม เต็ม?

พิจารณาเป้าหมายของคุณ

  • ผลลัพธ์ทันที: หากคุณต้องการเห็นผลเร็ว Radiesse อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

  • ทางออกระยะยาว: สำหรับผู้ที่ยินดีรอผลลัพธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปและยาวนาน Sculptra เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม

การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

วิธีที่ดีที่สุดในการตัดสินใจว่าฟิลเลอร์ใดเหมาะกับคุณคือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ พวกเขาสามารถประเมินโครงสร้างใบหน้า สภาพผิว และเป้าหมายทางด้านความงามของคุณ เพื่อแนะนำการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

การเตรียมตัวและการดูแลหลังการรักษาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์ประสบความสำเร็จและได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ 

หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือความกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม

เมื่อเราอายุมากขึ้น ผิวหนังจะเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นและวอลลุ่มผิวหน้า ทำให้เกิดริ้วรอย หย่อนคล้อย และลักษณะที่ดูเหนื่อยล้า สำหรับผู้ที่ใส่ใจในความงามและการดูแลผิว

โดยเฉพาะผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป การหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับสัญญาณแห่งวัยเป็นสิ่งสำคัญ Radiesse และ Sculptra เป็นสองตัวเลือกยอดนิยมในโลกของการฉีดฟิลเลอร์ แต่สิ่งที่ทำให้พวกมันแตกต่างกันคืออะไร? 

การเปรียบเทียบระหว่าง Sculptra vs Radiesse จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความแตกต่างและความเหมาะสมของแต่ละตัวเลือก

สรุปง่ายๆ สไตล์เพื่อนสาว:

เพื่อนๆ คะ ฟิลเลอร์ Radiesse กับ Sculptra มีข้อดีต่างกันนะ Radiesse จะเห็นผลเร็วทันใจ ส่วน Sculptra ผลลัพธ์จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงและอยู่ได้นานกว่า ถ้าอยากหน้าเด็กไวๆ ก็ลอง Radiesse ดู แต่ถ้าเน้นผลลัพธ์ที่ยาวนานก็ Sculptra เลยค่ะ

ที่สำคัญคือต้องเลือกคลินิกและคุณหมอที่ไว้ใจได้นะคะ เพื่อนๆ ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด จะได้สวยปังแบบปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจค่ะ 😊

Radiesse และ Sculptra กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างไร?

ถ้าจะพูดถึงเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนนะ 

Radiesse เค้ามีส่วนผสมของแคลเซียมไฮดรอกซีลาพาไทต์ (CaHA) ซึ่งจะเข้าไปเสริมโครงสร้างผิว ช่วยให้ผิวฟูขึ้น แถมยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อมๆ กันเลยนะ 

ส่วน Sculptra เค้าจะใช้ PLLA หรือสาร Poly-L-Lactic Acid เข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยตรงเลย ทำให้ผิวค่อยๆ ฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลลัพธ์ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปนะจ๊ะ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาของแต่ละคนด้วย

Radiesse biostimulator filler

Compare Price

JUVELOOK ราคาเท่าไหร่​

Juvelook 4,999 บาทต่อ 2 cc ซื้อ 1 แถม 1

Juvelook ราคา

Rejuran (รีจูรัน) ราคาเท่าไร

Rejuran มีราคาแตกต่างกันไปตามปัญหาและรุ่นที่ใช้ ซึ่งมีด้วยกัน 3 สูตร คือ Rejuran Healer สำหรับช่วยฟื้นฟูผิว กับ Rejuran I สำหรับ ฟื้นฟูใต้ตา และRejuran S สำหรับ ฟื้นฟูหลุมสิว

Radiesse vs Sculptra ต่างกันยังไง?

Radiesse: เจ้าหญิงแห่งความไว! ถ้าอยากเห็นผลลัพธ์แบบทันใจ หน้าเด็กเด้งในพริบตา Radiesse คือคำตอบ! นางจะเข้ามาช่วยเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยต่างๆ ให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แถมยังช่วยยกกระชับผิวให้ดูเฟิร์มขึ้นด้วยนะ

Sculptra: ราชินีแห่งความยาวนาน! ถ้าอยากสวยแบบยาวๆ ไม่ต้องเติมบ่อย Sculptra คือตัวแม่! นางจะค่อยๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวค่อยๆ ฟูขึ้น เต่งตึงขึ้น ผิวดูอ่อนเยาว์แบบธรรมชาติสุดๆ

sculptra vs radiesse

JUVELOOK ทำงานอย่างไร

หลังจากที่ฉีด JUVELOOK เข้าไป อนุภาคขนาดเล็กของ PDLLA จะเข้าไปทำงานซ่อมแซมผิวจากภายในสู่ภายนอกได้ทันทีเพราะมี HA ซึ่งไม่ต้องรอกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนไหมน้ำรุ่นอื่น

จึงช่วยฟื้นฟูผิวให้ขาวใส ไร้ริ้วรอยสามารถเติมเต็มร่องลึกใต้ตาและคอได้เป็นอย่างดีและที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับ JUVELOOK คือเรื่องของการยกกระชับแก้ไขความหย่อนคล้อย

การรักษาเริ่มต้น:

  • จำนวนครั้ง: 3 ครั้ง
  • ระยะเวลา: ฉีดทุก 1 เดือน

การรักษาต่อเนื่อง:

  • Juvelook: แนะนำให้ฉีดซ้ำทุก 6-12 เดือน หลังจากการรักษาเริ่มต้น

Rejuran ทำงานอย่างไร

ไม่ใช่แค่ Juvelook ที่ช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างเร่งด่วนนะคะ ที่ Waleerat Clinic เรายังมี Rejuran Healer อีกหนึ่งนวัตกรรมความงามจากเกาหลี ที่จะเข้ามาช่วยปลอบประโลมผิวที่อ่อนล้า เสื่อมสภาพ ให้กลับมาแข็งแรง สดใส เปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดีขึ้น

สารสกัดจาก DNA ปลาแซลมอนใน Rejuran ที่จะเข้าไปฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวกลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น รูขุมขนกระชับ แถมยังช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ได้อีกด้วยค่ะ

แนะนำให้ฉีด Rejuran Healer 3-4 ครั้ง ทุก 2-4 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ ใครอยากมีผิวสวยสุขภาพดีแบบสาวเกาหลี ต้องมาลอง Rejuran Healer ที่ Waleerat Clinic นะคะ

REJURAN ทำงานอย่างไร​

การเตรียมตัวก่อนฉีด Collagen Biostimulator

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากการฉีด Radiesse และ Sculptra ควรปฏิบัติดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมที่มีผลทำให้เลือดไหลง่าย: เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, และวิตามินอี อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ก่อนการฉีด
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์: อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถทำให้เกิดการช้ำได้ง่ายขึ้น

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: ฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียง

 

วิธีตรวจสอบเรเดียสของแท้

เพื่อนๆ คนไหนอยากหน้าเด็ก ผิวสวยเด้งด้วย Radiesse ต้องตรวจสอบของแท้ก่อนนะคะ! วิธีตรวจสอบก็ง่ายๆ เลย

  • ตรวจสอบกล่อง: กล่องต้องอยู่ในสภาพดี ไม่ฉีกขาด มีฉลาก อย. ไทยกำกับ และที่สำคัญ ต้องมีสติกเกอร์ Hologram ที่มุมกล่องด้วยนะ
  • ตรวจสอบภายในกล่อง: ต้องมี 2 ไซริงค์ พร้อมเข็ม และเอกสารกำกับยาสีเขียวที่มีตรา Radiesse อย่าลืมตรวจสอบเลข Lot และวันผลิตให้ตรงกันทั้งบนกล่องและไซริงค์ด้วยนะคะ
  • ตรวจสอบออนไลน์: สแกน QR code ที่กล่องเพื่อตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม
  • ซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ: เลือกซื้อ Radiesse จากคลินิกเสริมความงามที่ได้รับการรับรองเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ

คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับ
เรเดียสและสกัลป์ทรา

  • Radiesse: ผลลัพธ์ของ Radiesse มักจะอยู่ได้นานระหว่าง 12 ถึง 18 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พื้นที่ที่รักษา การเผาผลาญผิวของแต่ละบุคคล และการดูแลผิวหลังการรักษา การรักษาด้วย Radiesse มักจะเห็นผลทันทีหลังจากการฉีด ซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว

  • Sculptra: ผลลัพธ์ของ Sculptra มักจะเห็นได้หลังจากผ่านไปหลายเดือน โดยผลลัพธ์จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นหลังจากการฉีดหลายครั้ง ผลลัพธ์ของ Sculptra มักจะอยู่ได้นานถึงสองปีหรือมากกว่า เนื่องจากมันทำงานโดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย การรักษาด้วย Sculptra จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานและเป็นธรรมชาติ

  • Radiesse: ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปจากการฉีด Radiesse อาจรวมถึงอาการแดง บวม ช้ำ และคันบริเวณที่ฉีด อาการเหล่านี้มักจะหายไปในไม่กี่วัน บางครั้งอาจมีอาการปวดหรือมีรอยนูนเล็ก ๆ ที่บริเวณที่ฉีด หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์

  • Sculptra: ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ Sculptra รวมถึงอาการบวม แดง ช้ำ และเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด ในบางกรณีหายาก อาจมีการเกิดก้อนนูนหรือตุ่มเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

การใช้ Radiesse และ Sculptra ร่วมกันเป็นเรื่องที่ทำได้ในบางกรณี โดยแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ทั้งสองฟิลเลอร์ร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

Radiesse สามารถให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเพิ่มวอลลุ่มทันที ในขณะที่ Sculptra จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน การใช้ทั้งสองฟิลเลอร์ร่วมกันสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนานมากขึ้น